ดิ่งต่อ! เงินเฟ้อพ.ค. -0.57% ลดต่อเนื่อง 2 เดือน หั่นเป้าทั้งปีเหลือ 0-1%

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 6, 2025 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดิ่งต่อ! เงินเฟ้อพ.ค. -0.57% ลดต่อเนื่อง 2 เดือน หั่นเป้าทั้งปีเหลือ 0-1%

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน พ.ค.68 อยู่ที่ 100.40 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนพ.ค. ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน -0.57% (YoY) จากตลาดคาด -0.8% ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผัก-ผลไม้สด และไข่ไก่ จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย รวมทั้งการลดลงของราคาสินค้ากลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเบนซิน

ดิ่งต่อ! เงินเฟ้อพ.ค. -0.57% ลดต่อเนื่อง 2 เดือน หั่นเป้าทั้งปีเหลือ 0-1%

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.68) สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.48%

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนพ.ค.68 อยู่ที่ 101.47 หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 1.09% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน (YoY) ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.95%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการสำคัญในเดือนพ.ค.68 เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.68 พบว่า มีรายการสินค้าและบริการสำคัญที่ราคาเพิ่มขึ้น 167 รายการ ได้แก่ เนื้อสุกร, ไข่ไก่, มะนาว, ผักชี, มะเขือ, ผักบุ้ง, กาแฟ, อาหารโทรสั่ง, ผลิตภัณฑ์ซักผ้า และค่าเช่าบ้าน เป็นต้น

ส่วนรายการสินค้าและบริการสำคัญที่ราคาลดลง มี 156 รายการ ได้แก่ ข้าวสารเหนียว, พริกสด, ผักคะน้า, ทุเรียน, กระเทียม, มะม่วง, ส้มเขียวหวาน, น้ำมันพืช, น้ำยาปรับผ้านุ่ม, ค่าโดยสารเครื่องบิน และน้ำมันเชื้อเพลิง

ส่วนรายการสินค้าและบริการสำคัญที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มี 141 รายการ ได้แก่ ก๊าซหุงต้มล ค่าน้ำประปา, ค่าโดยสารรถไฟฟ้า, ค่าบริการล้างรถยนต์ และค่าหนังสือพิมพ์ เป็นต้น


  • คาดเงินเฟ้อมิ.ย.กลับมาเป็นบวก แต่ยังอยู่ในระดับต่ำ

ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า แม้อัตราเงินเฟ้อของไทยในเดือนพ.ค. จะติดลบเป็นเดือนที่ 2 ต่อจากเม.ย. แต่หลังจากนี้ไป คือ เดือนมิ.ย. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาเป็นบวกได้ในระดับ 0.2-0.4% เนื่องจากฐานในปีก่อนจะไม่สูงเหมือนเดือนที่ผ่าน โดยคาดว่าเงินเฟ้อไตรมาส 2 ปีนี้ (เม.ย.-มิ.ย.) จะเฉลี่ยอยู่ที่ -0.1 ถึง 0% ส่วนไตรมาส 3 จะเริ่มกลับมาเป็นบวกที่ 0.1 - 0.3% ส่วนไตรมาส 4 อยู่ที่ 0.7 - 0.9%

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตา ซึ่งจะมีผลสำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อในระยะต่อไป คือ 1.ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ซึ่งลดต่ำลงจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ขายปลีกในประเทศปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกัน 2.ฐานราคาผักสดในปีก่อนที่อยู่ในระดับสูงกว่าปีนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ปีนี้ สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูก ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น และ 3.มาตรการลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้า (ค่า Ft) งวดเดือน พ.ค.-ส.ค.68 ลง 17 สตางค์/หน่วย


  • หั่นเป้าเงินเฟ้อทั้งปี เหลือ 0-1%

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปของปี 68 ลงมาอยู่ที่ 0-1% (ค่ากลาง 0.5%) จากเดิมตั้งไว้ที่ 0.3-1.3% โดยเป็นการปรับลดให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ก็จะมีการทบทวนใหม่อีกครั้ง

โดยการปรับลดเป้าหมายเงินเฟ้อดังกล่าว อยู่ภายใต้ 3 สมมติฐานสำคัญ คือ 1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยปี 68 อยู่ที่ 1.3-2.3% 2. ราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยทั้งปีที่ 63-73 ดอลลาร์/บาร์เรล และ 3. อัตราแลกเปลี่ยน เฉลี่ยทั้งปีที่ 33.50-34.50 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ (จากฐานข้อมูลเดือนเม.ย.68) ถือว่ายังอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ต่ำเป็นอันดับ 7 จาก 133 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับที่ 1 ในอาเซียนจาก 8 ประเทศที่มีการประกาศตัวเลข (ไทย, บรูไน, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม และ ลาว)



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ