วิกฤตหนัก!! จราจรทลฉ. ภาคขนส่งจ่อเก็บค่าจอดเพิ่ม สรท.หวั่นกระทบต้นทุนพุ่ง จี้เร่งแก้ปัญหา

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 12, 2025 15:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

วิกฤตหนัก!! จราจรทลฉ. ภาคขนส่งจ่อเก็บค่าจอดเพิ่ม สรท.หวั่นกระทบต้นทุนพุ่ง จี้เร่งแก้ปัญหา

นายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เผยความพยายามแก้ไขปัญหาความแออัดในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) ตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปีที่ผ่านมายังไม่เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในทางตรงกันข้ามสถานการณ์ความแออัดบางช่วงเวลากลับรุนแรงขึ้น โดยในบางช่วงเวลารถขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ใช้เวลาในท่าเรือแหลมฉบังต่อเที่ยวสูงสุดถึง 20 ชั่วโมง ส่งผลให้ล่าสุดสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ทำหนังสือแจ้งให้ทราบว่าจะมีการเรียกเก็บค่าจอดรถรอคอยกรณีรถติดในท่าเรือแหลมฉบัง เพิ่มจากค่าขนส่งปกติอีกเที่ยวละ 3,000-5,000 บาท กรณีจอดรอคอยเกินกว่า 3 ชั่วโมง/ครั้ง/เที่ยว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.68 เป็นต้นไป

วิกฤตหนัก!! จราจรทลฉ. ภาคขนส่งจ่อเก็บค่าจอดเพิ่ม สรท.หวั่นกระทบต้นทุนพุ่ง จี้เร่งแก้ปัญหา

เมื่อพิจารณาจากปริมาณตู้คอนเทนเนอร์บรรจุสินค้าหนักและตู้คอนเทนเนอร์เปล่าซึ่งขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบังในปี 2567 จำนวน 9,554,673 ทีอียู อาจก่อให้เกิดภาระต้นทุนเพิ่มเติมแก่ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าระหว่าง 12,000-20,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ใหญ่เกินกว่ารัฐบาลจะเพิกเฉยปล่อยให้ภาคเอกชนรับผิดชอบกันเอง เพราะไม่ใช่แค่ทำให้สินค้าส่งออกของไทยแข่งขันด้านราคาได้ยากยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่จะส่งผลให้ประชาชนในฐานะผู้บริโภคต้องรับภาระค่าขนส่งผ่านราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นจากต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงผลกระทบทางอ้อมที่เกิดจากปัญหามลพิษฝุ่นควัน (PM 2.5) จากการปล่อยของเสียรถบรรทุกที่จอดคอยในท่าเรือเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนในพื้นที่เป็นวงกว้าง

ที่ผ่านมา สรท.ได้นำเสนอสาเหตุของปัญหาทั้งระบบครอบคลุมข้อจำกัดทุกด้าน อาทิ ข้อจำกัดของผู้ส่งออก-นำเข้า ข้อจำกัดของการขนส่งด้วยเรือชายฝั่ง ข้อจำกัดของการขนส่งทางราง ข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานและระบบการจราจรในท่าเรือ และข้อจำกัดด้านความแออัดของท่าเทียบเรือสัมปทาน ตลอดจนได้จัดทำข้อเสนอที่ครอบคลุมทุกมิติ ประกอบด้วย ด้านการขับเคลื่อนระดับนโยบาย ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้านกฎหมายและกฎระเบียบ และด้านอื่นที่เกี่ยวข้อง และได้นำเสนอต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและผลักดันอย่างใกล้ชิดเพื่อให้มีการแก้ไขปัญหาความแออัดในพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตลอดจนได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานมาโดยตลอด ดังนี้

1) ด้านการขับเคลื่อนระดับนโยบาย

- จัดตั้งคณะกรรมการระดับนโยบายเพื่อสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

- เร่งจัดทำ Master Plan และ จัดสรรงบเร่งด่วน

- จัดตั้งคณะทำงานร่วมระดับปฏิบัติการเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน

- ปรับปรุงอัตราค่าภาระท่าเรือเพื่อลดต้นทุนผู้ใช้บริการท่าเรือ

2) ด้านโครงสร้างพื้นฐาน

- เร่งพัฒนาลานวางตู้กลาง และ Service/Rest Area ทั้งภายในและภายนอกท่าเรือ

- เพิ่มสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรางและทางน้ำเข้าออกท่าเรือ

- ปรับปรุงวิศวกรรมการจราจรภายในท่าเรือ

- ขุดลอกร่องน้ำทางเดินเรือ และแอ่งจอดเรือ

- เพิ่มการลงทุนในเครื่องมือยกขนตู้สินค้า

3) ด้านกระบวนการทำงานและเทคโนโลยีสารสนเทศ

- เร่งรัดการใช้ระบบ Truck Queue 100% ให้รถทุกคันต้องจองคิวก่อนเข้าท่าเรือ

- เร่งรัดพัฒนาระบบ Port Community System (PCS) เชื่อมโยงข้อมูลกับทุกระบบการทำงานแบบ Real Time

4) ด้านกฎหมายและกฎระเบียบ

- ขอให้ด่านศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการตรวจปล่อยสินค้าปฏิบัติงานตลอด 7 วัน 24 ชั่วโมง

- ขอให้ปรับปรุงสัญญาสัมปทานท่าเทียบเรือและกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ กำหนด Service Level Agreement ด้าน Inland Transport เป็นต้น

อนึ่ง การแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน รัฐบาลและการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) จำเป็นต้องจัดหาพื้นที่ในเขตท่าเรือแหลมฉบังให้ผู้ประกอบการท่าเรือคอนเทนเนอร์สามารถเช่าใช้กองเก็บตู้คอนเทนเนอร์ได้อย่างเพียงพอและในอัตราค่าเช่าที่ต่ำที่สุดที่เป็นไปได้ เพื่อลดปัญหาความแออัดในท่าเทียบเรือในทันที พร้อมทั้งเร่งดำเนินมาตรการทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ตามข้อเสนอแต่ละด้านอย่างจริงจังต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ