ธ.ก.ส. รอเคาะเกณฑ์แฮร์คัตแก้หนี้กลุ่มผู้สูงอายุราว 5 พันลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 12, 2025 16:14 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงความคืบหน้าของการปรับโครงสร้างหนี้ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานข้อมูลกับกระทรวงการคลัง โดยเบื้องต้นน่าจะดำเนินการกับกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป และมีสถานะเป็นหนี้เรื้อรังก่อน อย่างไรก็ดี ในการดำเนินการทั้งหมด จะต้องเป็นไปตามกฎกระทรวง ดังนั้น จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอน กระบวนการ วิธีการอย่างชัดเจนออกมาก่อน

ปัจจุบัน ธ.ก.ส. มีลูกค้าที่อายุ 70 ปีขึ้นไป และทุกบัญชีของผู้กู้แต่ละรายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ประมาณหลักหมื่นบัญชี คิดเป็นมูลหนี้ราว 4,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะต้องรอให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำหนดให้ชัดเจน โดยเฉพาะนิยามของคำว่า "หนี้เรื้อรัง" ว่าผู้ที่เข้าข่ายแฮร์คัตตามแนวทางนี้จะมีเกณฑ์เป็นอย่างไร เช่น ลูกหนี้อายุ 80 ปี แต่ยังปิดหนี้ไม่ได้ ยังมีภาระหนี้อยู่ ลักษณะนี้ถือว่าเข้าข่ายนิยามของคำว่าหนี้เรื้อรังชัดเจน แต่ท้ายที่สุดคงต้องรอความชัดเจนจากสศค. ก่อนจะสรุป และเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

"เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน เพราะลูกหนี้ของธ.ก.ส. บางรายมีหลายบัญชี บางบัญชีมีหลักประกัน บางบัญชีเป็นการค้ำประกันแบบกลุ่ม บางบัญชีค้ำประกันแบบบุคคล บางรายมี 10 บัญชี ก็ต้องไปดูอีกว่ามีบัญชีหนี้ดีกี่บัญชี และหนี้เสียกี่บัญชี ตอนนี้นโยบายยังไม่ได้สรุปออกมาชัดเจนว่าจะแฮร์คัตให้ลูกหนี้กลุ่มอายุเท่าไร แต่ธ.ก.ส. ได้เตรียมข้อมูลลูกหนี้กลุ่มอายุ 70 ปี ที่มีสถานะเป็นหนี้เรื้อรังเอาไว้ แต่การแฮร์คัต หรือการตัดหนี้สูญนี้ หลักการของมูลค่าหลักประกัน คือรัฐจะต้องเสียหายน้อยที่สุด ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ก็ต้องมาดูว่าหากเป็นหนี้ที่มีหลักประกันธนาคารจะดำเนินการอย่างไร หากเกิดความเสียหายต่อธนาคาร คลังในฐานะเจ้าสังกัดจะพิจารณาอย่างไร" นายฉัตรชัย กล่าว

ส่วนภาพรวมการดำเนินงานของธ.ก.ส. ปัจจุบัน มียอดสินเชื่อคงค้าง 1.67 ล้านล้านบาท โดยในปีบัญชี 2568 (เม.ย. 68-มี.ค. 69) ธนาคารมีเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 30,000-50,000 ล้านบาท ขณะที่ NPL ปัจจุบันอยู่ที่ 5.31% โดยแนวโน้มในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา หนี้เสียปรับตัวเพิ่มขึ้นต่ำกว่าแผน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ที่ยังดำเนินการอยู่ และการพัฒนาระบบติดตามหนี้ รวมถึงลูกค้าเริ่มมีการปรับพฤติกรรมการชำระหนี้ เมื่อมีกระแสรายได้เข้ามาก็จ่ายหนี้ทันทีโดยไม่รอจนกระทั่งครบกำหนดชำระ ในส่วนของบัญชีทั้งปี 68 ประเมินว่า NPL ของธนาคารจะอยู่ที่ราว 5.5% บวกลบ ซึ่งยืนยันว่า งบดุลของธนาคารสามารถรองรับได้

นายฉัตรชัย กล่าวว่า ในส่วนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น ที่ผ่านมาธ.ก.ส. ได้มีการปรับลดไปค่อนข้างมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อมาพิจารณาในรายละเอียดภายใต้สัญญากู้เงินของเกษตรกรแต่ละสัญญา ซึ่งมีวงเงินกู้ต่ำกว่า 300,000 บาท เมื่อคำนวณดอกเบี้ยที่ลดลงออกมาก็แทบจะมีผลในหลักบาทเท่านั้น และลูกค้าส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้ก็ได้เข้าสู่มาตรการพักหนี้ไปเกือบทั้งหมดด้วย ดังนั้น มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จะมีผลต่อลูกค้าอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อกรณีที่มีการปรับลดลงมากจริง ๆ

สำหรับความคืบหน้ายอดหนี้ที่รัฐบาลต้องชำระคืนธ.ก.ส. จากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ในยุครัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น นายฉัตรชัย กล่าวว่า ตัวเลขความเสียหายยังเป็นไปตามตัวเลขที่ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการสำรองจ่ายไป ส่วนภาระผูกพันงบประมาณในการใช้คืนธ.ก.ส. คงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำนักงบประมาณ ซึ่งเป็นคนคุมตัวเลขบัญชีธุรกรรมตามนโยบายรัฐ (PSA) จะเป็นผู้พิจารณาจัดสรรงบประมาณลงมา

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าบัญชี PSA ทั้งหมดมีหลายโครงการ และโครงการรับจำนำข้าวก็เป็น 1 ในบัญชีดังกล่าว ซึ่งสำนักงบประมาณจะต้องแจงลงมาว่าแต่ละปีงบประมาณ แต่ละโครงการในบัญชี PSA จะได้รับจัดสรรชดเชยเท่าไหร่ และเหลือยอดเท่าไหร่

"เราไม่ได้เป็นคนคุมยอด เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงบประมาณ แต่ในมิติของความเสียหายก็คือความเสียหาย ภาระผูกพันงบประมาณที่ต้องใช้คืนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งความเสียหายก็ยังต้องเป็นไปตามตัวเลขของธ.ก.ส. และสำนักงบประมาณ ดังนั้น ตัวเลขความเสียหายเป็นเรื่องที่ต้องไปคำนวณกันเอง ส่วนถามว่าปีงบประมาณ 2569 ยอดเหลือเท่าไหร่ เราจำไม่ได้ เพราะตัวเลขอยู่ที่สำนักงบประมาณ ส่วนการขอจัดสรรงบชดเชยบัญชี PSA เราขอเต็มทุกปี ส่วนสำนักงบประมาณจะจัดสรรมาให้เท่าไหร่ก็เป็นเรื่องของเขา" นายฉัตรชัย กล่าว



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ