ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ภาวะน้ำท่วมรุนแรงที่ขยายวงกว้างสู่ปริมณฑลและบางพื้นที่ของกรุงเทพฯในช่วงเดือนตุลาคม มีแนวโน้มส่งผลกระทบทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอการเติบโตลง สำหรับในช่วง 2 เดือนที่เหลือ (พฤศจิกายน-ธันวาคม) ของปี 2554 เป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกลในยุโรปและอเมริกา ที่นิยมหลบอากาศที่หนาวเย็นจัดในประเทศของตน เดินทางมาท่องเที่ยวพักผ่อนตามแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลที่มีอากาศอบอุ่นแถบเอเชีย ซึ่งรวมทั้งประเทศไทย โดยมีแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคใต้ (อาทิ ภูเก็ต พังงา และกระบี่) และแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคตะวันออก (อาทิ พัทยา และตราด) ซึ่งไม่ได้ประสบภาวะน้ำท่วมรุนแรงเช่นแหล่งท่องเที่ยวในภาคอื่นๆ และกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯของภาครัฐ และการเร่งฟื้นฟูสาธารณูปโภค เส้นทางคมนาคม รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว และบริการรองรับด้านการท่องเที่ยวต่างๆของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระดับความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิยังสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติในภาคใต้และภาคตะวันออกไม่ได้ประสบอุทกภัยร้ายแรง ทำให้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้เช่นปีที่ผ่านมา
รวมทั้งมีการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการท่องเที่ยว ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนอย่างทั่วถึงในต่างประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์น้ำท่วมที่เป็นจริงว่าเกิดขึ้นเฉพาะบางพื้นที่ ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติในภาคใต้และภาคตะวันออกไม่ได้ประสบอุทกภัยร้ายแรง ยังสามารถให้บริการรองรับนักท่องเที่ยวได้ตามปกติ
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า โดยรวมตลอดทั้งปี 2554 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยลดลงประมาณ 3.5-6 แสนคน ส่งผลให้ประเทศไทยมีแนวโน้มสูญเสียรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,000-25,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดิมที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าเกิดอุทกภัย (เดิมคาดการณ์ว่าปี 2554 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามารวมทั้งสิ้นประมาณ 19.29 ล้านคน และสร้างรายได้ท่องเที่ยวเข้าประเทศ 730,000 ล้านบาท)