TRIS หั่นมุมมองการเติบโตสินเชื่อกลุ่มจำนำทะเบียนรถท่ามกลางเศรษฐกิจอ่อนแอ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday June 24, 2025 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้ง (TRIS) ปรับลดมุมมองการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มจำนำทะเบียนรถโดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโตที่ระดับ 5%-10% ในปี 2568 จากเดิมที่คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตที่ระดับ 10%-15% เนื่องจากผู้ประกอบการต่างมุ่งเน้นการเติบโตอย่างระมัดระวัง เพื่อรักษาคุณภาพสินเชื่อ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอและมีความไม่แน่นอนสูง รวมทั้งความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ยังเปราะบาง ประกอบกับตลาดตราสารหนี้ที่ยังมีความตึงตัว ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการขยายสินเชื่อของผู้ประกอบการบางรายโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง

โดยแม้ว่าความต้องการสินเชื่อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่เนื่องจากคุณภาพสินเชื่อที่ยังอ่อนแอและสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ส่งผลผู้ประกอบการเลือกจะขยายสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าที่ค่อนข้างมั่นใจว่ายังมีความสามารถในการชำระหนี้เป็นหลัก TRIS คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ความรุนแรงของการแข่งขันทั้งทางด้านราคาและการขยายสาขาจะเบาบางลง โดยการแข่งขันอาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้งได้หาก สภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลาดตราสารหนี้ลดความตึงตัว และคุณภาพสินเชื่อเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น

ณ สิ้นไตรมาส 1/68 สินเชื่อรวมคงค้างของผู้ประกอบการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (รวมสินเชื่อที่มีสินทรัพย์อ้างอิงประเภทอื่นด้วย เช่น ที่ดิน) มียอดคงค้างอยู่ที่ 4.13 แสนล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับสิ้นปี 67 และมีการเติบโตเล็กน้อย 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YoY) การเติบโตของสินเชื่อชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเทียบกับการเติบโตที่ 28.1% YoY ในปี 66

ในส่วนคุณภาพสินเชื่อ คาดว่าจะเริ่มมีแนวโน้มทรงตัวและปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยได้แม้ว่าความสามารถในการผ่อนชำระของลูกหนี้ฐานรากยังไม่แข็งแรงจากสภาวะทางเศรษฐกิจและหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง แต่คาดว่าความพยายามของผู้ประกอบการในการปรับเงื่อนไขและกระบวนการอนุมัติสินเชื่อให้เข้มงวดมากขึ้น ประกอบกับมีการตัดจำหน่ายหนี้สูญและขายหนี้เสีย จะสามารถช่วยลดระดับ NPL Ratio ได้

โดยต้นทุนด้านเครดิต คาดว่าได้ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว แต่ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับช่วง 4-5 ปีก่อน อย่างไรก็ตามคุณภาพสินเชื่อยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และอาจมีการเร่งตัวขึ้นได้อีกครั้งหากสภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอและยืดเยื้อมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จนส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

TRIS คาดว่ารายได้และกำไรของธุรกิจจำนำทะเบียนรถจะเติบโตได้แม้จะเป็นไปอย่างจำกัด โดยปัจจัยที่ยังช่วยผลักดันการเติบโตของรายได้และกำไรมาจากคาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อ ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตที่คาดว่าจะปรับลดลงจากความพยายามรักษาคุณภาพสินเชื่อของผู้ประกอบการและการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน รวมไปถึงการขยายสาขาที่จะชะลอลง

ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะเริ่มลดลงได้เล็กน้อยในระยะถัดไปตาม ทิศทางของดอกเบี้ยที่อยู่ในขาลง อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวจะถูกชดเชยบางส่วนด้วยอัตราผลตอบแทนที่อาจมีแนวโน้มปรับตัว ลดลงเนื่องจากการมุ่งเน้นปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มีความเสี่ยงลดลง แต่ก็อาจเห็นการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนในผู้ประกอบการบางรายที่มีการการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรับในช่วงก่อนหน้านี้ และเริ่มเห็นผลของการปรับอัตราดอกเบี้ยรับหลังสัญญาเก่าสิ้นสุดลง คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลประกอบการที่ชัดเจนขึ้นในครึ่งหลังของปี 68 เมื่อสินเชื่อมีการเติบโตสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายด้านเครดิตมีการปรับลดลงชัดเจนมากขึ้น

ในช่วงไตรมาส 1/68 กำไรสุทธิของกลุ่มธุรกิจจำนำทะเบียนรถที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีการเติบโตอยู่ที่ 6.5% YOY โดยการเติบโตของกำไรสุทธิมาจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ยังขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 2.3% YOY ตามการขยายตัวของสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม การเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดตามการขยายตัวของสินเชื่อที่ปรับลดลง ปัจจัยอื่นที่ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของกำไรสุทธิ ได้แก่ การควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายด้านเครดิตที่ลดลงเล็กน้อย แต่ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกชดเชยบางส่วน ด้วยต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน

TRIS คงมุมมองว่าในปัจจุบันธุรกิจจำนำทะเบียนรถยัง ได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัดจากการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า และโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา เนื่องจากธุรกิจจำนำทะเบียนรถรับหลักประกันที่ปลอดภาระแล้ว แต่เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าส่วนมากยังอยู่ระหว่างการผ่อนชำระทำให้ผู้ประกอบการส่วนมาก ยังไม่รับหรือมีหลักประกันเป็นรถไฟฟ้าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก

จำนวนรถไฟฟ้าสะสมทั้งหมด ณ เดือนเม.ย. 68 อยู่ที่ 266,888 คัน แม้ว่าจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่ารถประเภทอื่นๆ ที่ 62% YoY แต่ยังคิดเป็นเพียง 0.62% ของจำนวนรถจดทะเบียนสะสมทั้งหมด รวมทั้ง ผู้ประกอบการต่างมีความระมัดระวังในการรับจำนำทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่มีราคารถมือสองที่มีเสถียรภาพและมาตรฐาน

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันราคาของรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งส่งผลให้ราคารถยนต์น้ำมันมือสองลดลงนั้นอาจมีผลกระทบเชิงลบกับธุรกิจจำนำทะเบียนรถในแง่ที่ส่งผลให้ผลขาดทุนจากการขายรถยึดเพิ่มขึ้นได้แต่ก็คาดว่าอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากพฤติกรรมการใช้รถยนต์ของผู้บริโภคในรถยนต์ทั้งสองประเภทยังไม่สามารถทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์

ในปี 2568 ธุรกิจกลุ่มจำนำทะเบียนรถมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง จากเศรษฐกิจที่ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนจากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ปัญหาเชิงโครงสร้าง หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การเพิ่มและกระจายรายได้ที่ยังไม่เท่าเทียมและยั่งยืน ส่งผลต่อการจำกัดความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

และมาตรการทางภาษีจากประเทศคู่ค้าของไทย จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ ทั้งการผลิตและการส่งออกของไทย หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ในท้ายที่สุดอาจมีผล ต่อการจ้างงาน รายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

โดยลูกหนี้ที่มีคุณภาพเครดิตเปราะบางยังมีจำนวนมาก สะท้อนจากตัวเลขอัตราส่วนสินเชื่อที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ (Special mention loans) ที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ผู้ประกอบการยังคงต้องบริหารคุณภาพ สินทรัพย์อย่างใกล้ชิดและเข้มงวด พร้อมด้วยมาตรการติดตามหนี้เชิงรุกเพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกหนี้จะตกชั้นเป็นลูกหนี้ ด้อยคุณภาพ

ร่วมกับในภาวะที่ตลาดตราสารหนี้ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนหลักอีกแหล่งหนึ่งของ ผู้ประกอบการยังมีความอ่อนไหว การบริหารกระแสเงินสดอย่างระมัดระวังเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้สามารถชำระคืนหนี้ได้ตรงตามกำหนดเวลา มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน และส่งผลกระทบต่อการระดมทุนใหม่ในอนาคตได้

ในส่วนโครงการคุณสู้เราช่วย ที่มีเป้าหมายในการช่วยเหลือลูกหนี้โดยการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและพักภาระดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปีแต่เนื่องจากมีข้อจำกัดที่กำหนดให้ผู้เข้าร่วมโครงการไม่สามารถก่อหนี้ใหม่เพิ่มได้ใน 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วมโครงการ จึงทำให้จำนวนลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการมีไม่มากนัก โดยคิดเป็นสัดส่วนเพียงประมาณ 1-2% ของสินเชื่อรวมของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการทำให้คาดว่าผลกระทบทั้งในแง่ของอัตราผลตอบแทนของผู้ประกอบการที่อาจจะปรับลดลงและการชะลอตัวของการตกชั้นของลูกหนี้จะเป็นไปอย่างจำกัด

และทั้งนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงในด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) จากแหล่งเงินทุนของบริษัทจำนำทะเบียนรถที่เป็นนอนแบงก์มีความมั่นคงน้อยกว่าธนาคารและบริษัทลูกของธนาคาร เนื่องจากไม่สามารถระดมเงินฝากหรือพึ่งพาธนาคารแม่ได้ แหล่งเงินทุนของบริษัทเหล่านี้นอกจากฐานทุนจะมาจากเงินกู้จากสถาบันการเงินและการออกตราสารหนี้ ซึ่งเสี่ยงต่อปัญหาสภาพคล่องหากไม่สามารถจัดหาเงินทุนเพื่อชำระคืนหนี้ได้ ความเสี่ยงนี้สามารถลดลงได้ หากบริษัทมีการจัดการความสอดคล้องของอายุสินทรัพย์และหนี้สินที่ดี กระจายวันครบกำหนดของเงินกู้ให้สอดคล้องกับ กระแสเงินสดจากการชำระคืนของลูกหนี้ แต่ความเสี่ยงนี้อาจเพิ่มขึ้นในช่วงที่ตลาดตึงตัวจากความไม่มั่นใจของนักลงทุน

ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) จากกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจเป็นกลุ่มเปราะบางรายได้น้อย อาจเข้าถึงบริการทางการเงินจากธนาคารได้ยาก เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านเครดิตสูงกว่าลูกค้าของธนาคาร แต่เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และลูกหนี้มีความเป็นเจ้าของรถมาแล้ว ประกอบกับวงเงินสินเชื่อที่ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำหรือไม่สูงเทียบเท่ากับราคาตลาด ทำให้อัตราการทิ้งรถไม่สูงเท่ากับสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ความสามารถในการประเมินราคาหลักประกันการรู้จักและเข้าถึงลูกค้า ความสามารถใน การติดตามหนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญในการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังช้า และค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพที่สูงขึ้นล้วนเพิ่มแรงกดดันต่อความเสี่ยงด้านเครดิต

ความเสี่ยงด้านปฏิบัติการ (Operational Risk) แม้ว่าจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. แต่บริษัทจำนำทะเบียนรถที่เป็นนอนแบงก์ ซึ่งไม่ได้เป็นบริษัทลูกในเครือธนาคารมักมีมาตรฐานและการควบคุมที่ไม่เข้มงวดเท่าธนาคาร ระบบปฏิบัติงานของบริษัทเหล่านี้ยังพึ่งพาบุคคลเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีความเสี่ยงต่อความผิดพลาดจากการทำงาน การปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการทุจริตฉ้อโกง

ความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk) จากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ราคารถมือสองลดลงอย่างมากเนื่องจาก อุปทานที่สูงจากการเพิ่มขึ้นของรถยึดซึ่งเกิดจากหนี้เสียที่ขยายตัว ส่งผลกระทบต่อราคาประเมินของหลักประกันและอาจทำให้บางบริษัทประสบปัญหาการขาดทุนจากการขายรถยึด

ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบและกฎหมาย (Regulatory Risk) หรือการเปลี่ยนแปลงด้าน กฎระเบียบต่าง ๆ ที่สร้างความเสี่ยงทางกฎหมายที่สำคัญต่อการดำเนินงานและกลยุทธ์ของบริษัท เช่น การกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย การกำกับดูแลด้าน การให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม ค่าปรับ การขอความร่วมมือช่วยเหลือลูกหนี้ในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึง ค่าใช้จ่ายที่สามารถเรียกเก็บจากลูกหนี้ อาจทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีข้อเสียเปรียบด้านต้นทุนทางการเงินและการดำเนินงาน อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงผู้ประกอบการต้องจำกัดกลุ่มลูกค้าโดยเน้นกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตไม่สูงมาก ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายสินเชื่อ



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ