
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ บสย. มีมติจัดสรรวงเงินค้ำประกันเพิ่มเติม ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 "บสย. SMEs ยั่งยืน" อีก 5,000 ล้านบาท ภายใต้มาตรการ บสย.พร้อมค้ำ กับ 2 ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันสินเชื่อใหม่ ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ค้ำประกันยาว 7 ปี ชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่ำเพียง 1.5% ในปีที่ 4 ต่อยอดภาระค้ำคงเหลือ เพื่อช่วยเหลือ "กลุ่มเปราะบาง" SMEs รายย่อย และผู้ส่งออก ที่ขาดคนค้ำประกันและหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถเข้าถึงสินเชื่อตามนโยบายภาครัฐ

พร้อมสนับสนุนสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบด้วย
- ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันภายใต้ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Biz วงเงินค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 500,000-10,000,000 บาท ตอบโจทย์กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า และซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกลุ่มที่ได้ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
- ผลิตภัณฑ์ค้ำประกันภายใต้ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Biz วงเงินค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท ค้ำประกันต่อราย 10,000 - 500,000 บาท ตอบโจทย์กลุ่มรายย่อย (Micro SMEs) พ่อค้า แม่ค้า ค้าขายออนไลน์ อาชีพอิสระ ฯลฯ ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่ขาดคนค้ำประกัน และขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งเป็น "กลุ่มเปราะบาง" ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ
"จุดเด่นของทั้ง 2 โครงการ คือ ค่าธรรมเนียมต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ค้ำประกันสูงสุด 7 ปี มุ่งเสริมสภาพคล่อง และลดภาระทางการเงิน ช่วยให้ SMEs เดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน" นายสิทธิกร กล่าว
นอกจากนี้ ทั้ง 2 โครงการใหม่ ยังเป็น "มาตรการพิเศษ" ที่มุ่งเน้นการค้ำประกันสินเชื่อ เพื่อช่วยกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อในรายที่ต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติม แต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน ด้วยการจ่ายเคลม (จ่ายค่าประกันชดเชย) ในอัตราสูง โดยโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Biz จ่ายเคลมสูงถึง 42% ต่อพอร์ตการค้ำประกัน เมื่อเทียบกับการค้ำประกันปกติที่ระยะเวลา 10 ปี
ขณะที่โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Biz จ่ายเคลมอยู่ที่ 37% ต่อพอร์ตการค้ำประกัน เมื่อเทียบกับการค้ำประกันปกติที่ระยะเวลา 10 ปี ซึ่งถือเป็นการดูดซับความเสี่ยงด้าน Credit Cost เพื่อสนับสนุนให้สถาบันการเงิน มีความเชื่อมั่นในการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มให้กับ SMEs รายย่อยมากยิ่งขึ้น
นายสิทธิกร กล่าวว่า จากการเปิดตัว 2 โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Biz และ SMEs Micro Biz ภายใต้วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบ 5,600 ล้านบาท ช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อกว่า 21,000 ราย รักษาการจ้างงาน 46,150 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจได้ 20,650 ล้านบาท
"จากสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างผันผวน และปัจจัยลบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบด้าน ทำให้ธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เชื่อว่าด้วยเงื่อนไข Max Claim ที่อยู่ในระดับสูงของ 2 โครงการใหม่นี้ จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้ธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเสริมสภาพคล่อง ต่อลมหายใจให้ SMEs สามารถเดินหน้าต่อได้ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน" นายสิทธิกร กล่าว
โดยการเปิดตัว 2 โครงการใหม่นี้ ทำให้ บสย. มีโครงการค้ำประกันสินเชื่อครอบคลุมใน 5 กลุ่มหลัก สามารถตอบโจทย์ SMEs ทุกกลุ่มในประเทศไทย ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากพิษเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งพิษโควิด-19 พิษจากอุทกภัย ภัยแล้ง แผ่นดินไหว
กลุ่มที่ 2 ลูกค้าที่ต้องการเงินลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน แต่ขาดหลักประกัน
กลุ่มที่ 3 กลุ่มเปราะบาง พ่อค้า แม่ค้า Startup คนรุ่นใหม่ ค้าขายออนไลน์ New Generation ที่มีปัญหาในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน
กลุ่มที่ 4 ธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ต้องการเงินทุนในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักร ปรับปรุงกระบวนการผลิต หรือลงทุนติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป
กลุ่มที่ 5 ธุรกิจตามยุทธศาสตร์ของประเทศ อาทิ Soft Power และธุรกิจที่ตอบโจทย์นโยบายของประเทศ