
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในปีนี้สู่ระดับ 1.25% ภายในสิ้นปี 68 เพื่อให้นโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้น สอดรับกับเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงตั้งแต่ครึ่งหลังของปี และต่อเนื่องไปจนถึงปี 69 อีกทั้ง เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นทั้งจากสงครามการค้า ความเปราะบางของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมืองในระยะข้างหน้าด้วย

โดยหากพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริง จะพบว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยอยู่ที่ราว 1% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีค่าเฉลี่ยใกล้เคียง 0% เท่านั้น ดังนั้น ระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน อาจยังผ่อนคลายไม่เพียงพอตามที่ กนง. ประเมิน
นอกจากนี้ กนง. ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 69 ว่าจะชะลอลงกว่าปีนี้ โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.7% จาก 2.3% ในปีนี้ อีกทั้งนโยบายการเงินต้องใช้ระยะเวลาในการส่งผ่าน
ดังนั้น อาจเป็นเหตุผลให้ กนง.พิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะชะลอลงในปีหน้า
"ในระยะข้างหน้า อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยจะยังเป็นขาลง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ และเอื้อต่อกระบวนการลดระดับหนี้ (Deleveraging) ของครัวเรือน" บทวิเคราะห์ระบุ
ส่วนปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน-สหรัฐฯ นั้น SCB EIC มองว่า อาจสร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางการปรับลดดอกเบี้ยในระยะสั้นได้ หากสถานการณ์รุนแรงจนทำให้ราคาโภคภัณฑ์สูงขึ้น เงินเฟ้อไทยเร่งตัวสูงเกินกรอบเป้าหมาย ซึ่งอาจจะชะลอการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ กนง.
อนึ่ง ที่ประชุม กนง.วานนี้ (25 มิ.ย.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% ต่อปี ด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 1 เสียง โดยมองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมา สามารถรองรับความเสี่ยงได้ดีระดับหนึ่ง นโยบายการเงินควรอยู่ในระดับที่ผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า และให้ความสำคัญเรื่องจังหวะเวลากับประสิทธิผลของการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
พร้อมเห็นว่า ความไม่แน่นอนที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบัน ประกอบกับ Policy space ที่มีจำกัด ทำให้การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้เหมาะสมกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะชะลอลง และจะเผชิญความเสี่ยงสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง