ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.50/53 แกว่งกรอบแคบทิศทางอ่อนค่า คาดกรอบวันนี้ 32.40-32.65

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 27, 2025 09:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.50/53 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงปิดตลาด เย็นวานนี้ที่ระดับ 32.45 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทยังอยู่ในกรอบเดิม เช่นเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่อ่อนค่า ตามการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังตัวเลข เศรษฐกิจของสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อคืนนี้ออกมาแบบผสมทั้งดีกว่าคาดและแย่กว่าคาด อาทิ GDP ไตรมาสแรกของสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด ส่วนตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ออกมาน้อยกว่าคาด ซึ่งถือเป็นสัญญาณดี เป็นต้น

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตามวันนี้ คือดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. ของสหรัฐฯ

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.40 - 32.65 บาท/ดอลลาร์

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 32.5425 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 144.35/38 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 143.92 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1702/1703 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.721 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.414 บาท/ดอลลาร์
  • "ภาคเอกชน" จับตาเสถียรภาพการเมือง "ปรับ ครม.-นายกฯลาออก-ยุบสภา" ชี้ นายกฯลาออกดีกว่า ยุบสภา ห่วงข้า
ราชการเกียร์ว่าง ระบุยุบสภา กระทบเศรษฐกิจหนัก งบประมาณปี 69 ล่าช้า การเจรจาภาษีทรัมป์สะดุดหลังมีรัฐบาลรักษาการนาน ม.หอ
การค้า คาดยุบสภากระทบจีดีพี 0.66%
  • สหพัฒน์ฯ ชี้ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจซบ ต้นทุนสูง กำลังซื้อผู้บริโภคสุดฝืด! ครึ่งปีหลังยังไม่เห็นทางสว่าง แนะเก็บเงินสดปรับ
องค์กรให้รับสถานการณ์ พร้อมจัด 'สหกรุ๊ป แฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29' ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 ที่ 1.4% จากความเสี่ยงที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยมองว่าการส่ง
ออกครึ่งหลังของปีหดตัวลึกโดยติดลบ 10% เนื่องจากมีการเร่งส่งออกสูงในช่วงที่ผ่านมา โดยในช่วง 5 เดือนแรกของปี การส่งออกไทย
ขยายตัวถึง 14.9% ขณะที่หลังการชะลอปรับขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ซึ่งยังมีความเสี่ยงที่ไทยจะยังไม่บรรลุข้อ
ตกลงทางการค้าและอัตราภาษีที่ 36% ยังมีความเป็นไปได้อยู่
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีราคาส่ง
ออก และดัชนีราคานำเข้าเดือน มิ.ย.68 มีปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่ 1.การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าหลัก 2.
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อในหลายภูมิภาค 3.ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าและภาษีของสหรัฐ 4.ราคาสินค้า
เกษตรสำคัญบางกลุ่มเผชิญกับปัญหาอุปทานส่วนเกิน 5.การแข่งขันทางด้านราคามีแนวโน้มสูงขึ้น และ 6.ความผันผวนและการแข็งค่าของค่า
เงินบาท
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ประจำไตรมาส 1/68 เมื่อวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว 0.5% ในไตรมาสดังกล่าว ย่ำแย่กว่า
ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าหดตัว 0.2% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัว 0.3%
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ
CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 20% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และ
ให้น้ำหนักกว่า 75% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์ก
ในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับ
ลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังถูกกดดันจากข่าวที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแผนที่จะคัดเลือกและประกาศชื่อผู้
ที่จะมารับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่แทนเจอโรม พาวเวล
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) ขณะที่นักลงทุนรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการ
บริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมทั้งจับตา
สถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็น

มาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและ

บริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบราย

ปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่ม

ขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ