ธปท. ชี้เศรษฐกิจ พ.ค. ชะลอลงตามภาคการผลิตอุตฯ-ท่องเที่ยว-ลงทุนเอกชน แม้ส่งออกโต

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 30, 2025 14:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ธปท. ชี้เศรษฐกิจ พ.ค. ชะลอลงตามภาคการผลิตอุตฯ-ท่องเที่ยว-ลงทุนเอกชน แม้ส่งออกโต

น.ส.ปราณี สุทธศรี ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยเศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ค.68 ชะลอลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน จากการผลิตภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการด้านการค้า การขนส่ง และการท่องเที่ยว โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง เนื่องจากบางส่วนเร่งผลิตเพื่อเติมสินค้าคงคลังไปแล้วในเดือนก่อน ประกอบกับมีปัจจัยชั่วคราวจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมัน

ขณะที่รายรับการท่องเที่ยว ลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง โดยเฉพาะกลุ่มเดินทางระยะไกล (long-haul) ที่มีค่าใช้จ่ายต่อทริปสูง ด้านการลงทุนภาคเอกชนลดลงหลังเร่งไปในเดือนก่อน ส่วนการบริโภคภาคเอกชนทรงตัวโดยหมวดสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่หมวดบริการปรับลดลง

ธปท. ชี้เศรษฐกิจ พ.ค. ชะลอลงตามภาคการผลิตอุตฯ-ท่องเที่ยว-ลงทุนเอกชน แม้ส่งออกโต

อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะหมวดอิเล็กทรอนิกส์ตามอุปสงค์โลกที่ดีต่อเนื่อง และจากการเร่งส่งออกในช่วงระยะที่ผ่อนผันการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐหดตัวจากทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง จากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการเร่งเบิกจ่าย หลัง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบมากขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดอาหารสด อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานติดลบใกล้เคียงกับเดือนก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังปรับเพิ่มขึ้นตามราคาอาหารสำเร็จรูป สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลลดลงตามดุลการค้าที่กลับมาเกินดุล ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุล จากการส่งกลับกำไรของธุรกิจต่างชาติตามฤดูกาลด้านตลาดแรงงานโดยรวมปรับดีขึ้นจากเดือนก่อนตามการจ้างงานในภาคการผลิตเป็นสำคัญ

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไป ธปท.มองว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาพรวมชะลอลง ตามแรงส่งจากภาคท่องเที่ยว และการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอลง อย่างไรก็ดี การผลิตในภาคยานยนต์มีสัญญาณปรับดีขึ้นบ้าง โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง

ปัจจัยที่ต้องติดตามในระยะต่อไป คือ 1) นโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก 2) พัฒนาการของภาคการท่องเที่ยว 3) การปรับตัวของภาคธุรกิจที่ต้องเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้น และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป และ 4) ความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์และปัจจัยภายในประเทศ


*การบริโภคภาคเอกชน

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วทรงตัวจากเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายในหมวดสินค้าคงทน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายในหมวดบริการปรับลดลงจากหมวดโรงแรมและภัตตาคารเป็นสำคัญ สอดคล้องกับจำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ส่วนหมวดสินค้าไม่คงทน ลดลงจากยอดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ ขณะที่หมวดสินค้ากึ่งคงทนทรงตัวจากเดือนก่อน สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้า รวมถึงปัญหาหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง


*การลงทุนภาคเอกชน

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน จากหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ตามยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศที่ลดลง สอดคล้องกับการผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง สำหรับหมวดยานพาหนะทรงตัว โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้น ขณะที่หมวดยานพาหนะอื่น ๆ อาทิ รถบรรทุก และรถกระบะลดลง ด้านหมวดก่อสร้างทรงตัวเช่นกัน โดยหมวดที่มิใช่ที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในทุกองค์ประกอบ ขณะที่หมวดที่อยู่อาศัยลดลงตามพื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์


*จำนวนและรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดือนพ.ค. อยู่ที่ 2.3 ล้านคน ลดลง -2.9% จากเดือนก่อน ขณะที่รายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลง -7% จากเดือนก่อน โดยเฉพาะจากนักท่องเที่ยวระยะไกล (long-haul) ที่มีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปสูง เช่น ยุโรปไม่รวมรัสเซีย และออสเตรเลีย หลังเร่งไปมากในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ดี นักท่องเที่ยวระยะใกล้ (short-haul) เพิ่มขึ้นในหลายสัญชาติ อาทิ จีน มาเลเซีย และญี่ปุ่น ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวในประเทศดังกล่าว


*การส่งออกสินค้า

มูลค่าการส่งออกสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้ว เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนในเกือบทุกหมวด โดยเฉพาะการส่งออก 1) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ตามการส่งออกอุปกรณ์สื่อสารไปสหรัฐฯ คอมพิวเตอร์ไปจีน และฮ่องกง รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ที่เกี่ยวกับ data center 2) ยานยนต์ ตามการส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะไปออสเตรเลีย อาเซียน และตะวันออกกลาง 3) สินค้าเกษตร ตามการส่งออกทุเรียนและมังคุดไปจีน และ 4) เครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยเฉพาะหม้อแปลงไฟฟ้าไปสหรัฐฯ จากอุปสงค์ data center

นอกจากนี้ หมวดสินค้าเกษตรแปรรูป และเครื่องใช้ไฟฟ้าส่งออกไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ตามการเร่งส่งออกในช่วงก่อนที่มาตรการเก็บภาษีนำเข้า (reciprocal tariff) จะมีผลบังคับใช้

ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าไม่รวมทองคำที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้ว เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน จากหมวดสินค้าทุนไม่รวมเครื่องบิน ตามการนำเข้าคอมพิวเตอร์จากไต้หวันเป็นหลัก และหมวดสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามการนำเข้ารถยนต์นั่งจากจีน รวมถึงยาจากสหภาพยุโรป อย่างไรก็ดี หมวดวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง ลดลงตามการนำเข้าชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จากไต้หวัน และน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ และตะวันออกกลาง


*การผลิตภาคอุตสาหกรรม

ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน จากกลุ่มที่ผลิตเพื่อส่งออกในสัดส่วนมากกว่า 60% จากหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าตามการผลิตเครื่องปรับอากาศที่ลดลง หลังเร่งผลิตเพื่อเติมสินค้าคงคลังไปแล้วในเดือนก่อน ประกอบกับการผลิตเพื่อส่งออกน้อยกว่า 30% ลดลง จากหมวดวัสดุก่อสร้างตามการผลิตคอนกรีต และปูนซีเมนต์ รวมถึงหมวดปิโตรเลียม ที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นน้ำมันชั่วคราว อย่างไรก็ดี กลุ่มที่ผลิตเพื่อส่งออกในสัดส่วน 30-60% เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากหมวดยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์นั่ง ที่อุปสงค์ในประเทศมีสัญญาณกระเตื้องขึ้น


*ภาคบริการ

เครื่องชี้ภาคบริการที่ไม่รวมการซื้อขายทองคำ และขจัดปัจจัยฤดูกาลแล้วลดลงจากเดือนก่อน โดยกิจกรรมในภาคการค้าลดลงตามการผลิตในภาคอุตสาหกรรม แม้ยอดขายรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่การขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามการส่งออกสินค้า นอกจากนี้ กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวลดลงเช่นกัน จากทั้งธุรกิจโรงแรม และภัตตาคาร และการขนส่งผู้โดยสาร ตามจำนวนนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติที่ลดลง


*รายได้เกษตรกร

รายได้เกษตรกรหดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามราคาสินค้าเกษตรหลายชนิดเป็นสำคัญ ได้แก่ 1) ข้าวขาว จากอุปทาน ข้าวไทยและโลกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการกลับมาส่งออกข้าวของอินเดีย 2) ยางพารา จากผลของราคาที่สูงในปีก่อน เนื่องจากผลผลิตน้อยจากผลกระทบของปรากฎการณ์เอลนีโญ 3) ทุเรียน จากความกังวลต่อการล่าช้าในการตรวจสอบสารตกค้างของตลาดส่งออกหลัก ประกอบกับผลผลิตทุเรียนในปีนี้เพิ่มขึ้น และ 4) มันสำปะหลัง จากความต้องการจากจีนที่อยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี ผลผลิตสินค้าเกษตรขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนจากข้าว ยางพารา และทุเรียนเป็นสำคัญ ตามสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย


*การใช้จ่ายภาครัฐ

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวเมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง จากผลของฐานสูงในปีก่อนที่มีการเร่งเบิกจ่ายหลัง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ดี หากเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต รายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง ยังขยายตัวจากปีก่อนตามการเบิกจ่ายเงินบำนาญ ค่าตอบแทนบุคลากร และค่ารักษาพยาบาลข้าราชการ และการเบิกจ่ายลงทุนของหน่วยงานด้านคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐาน ตามลำดับ สำหรับการลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัวเล็กน้อยจากระยะเดียวกันปีก่อนตามการเบิกจ่ายในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน


*ภาวะการเงิน

การระดมทุนของภาคธุรกิจโดยรวมปรับเพิ่มขึ้น โดยการระดมทุนผ่านสินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้นในเกือบทุกสาขาธุรกิจ ยกเว้นธุรกิจการค้าและก่อสร้างที่ลดลงเล็กน้อย สำหรับการระดมทุนผ่านตลาดตราสารหนี้ ปรับเพิ่มขึ้นจากกลุ่มการเงินและโทรคมนาคม โดยเป็นการกู้ยืมเพื่อการต่ออายุ (rollover) หุ้นกู้ที่ใกล้ครบกำหนดชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในระยะสั้น ขณะที่การระดมทุนผ่านตลาดทุน เพิ่มขึ้นจากการขายหุ้มเพิ่มทุนของธุรกิจกลุ่มยานยนต์ และกลุ่มการเงินเป็นสำคัญ

สำหรับต้นทุนการระดมทุนผ่านตราสารหนี้ ในเดือนพ.ค. ถึง 25 มิ.ย.68 อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้น และระยะยาว เฉลี่ยปรับลดลงตามการคาดการณ์นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายของไทยเป็นสำคัญ


*อัตราแลกเปลี่ยน

อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เดือนพ.ค. ถึง 25 มิ.ย.68 เงินบาทเฉลี่ยปรับแข็งค่าขึ้นจากเดือนเม.ย. สอดคล้องกับสกุลเงินภูมิภาค เนื่องจากตลาดเริ่มคลายความกังวล หลังการเจรจาทางการค้าระหว่างประเทศคู่ค้าสำคัญกับสหรัฐฯ มีความคืบหน้าในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์

ด้านดัชนีค่าเงินบาท (NEER) เดือนพ.ค.68 เฉลี่ยปรับแข็งค่าจากเดือนเม.ย. สะท้อนการคลายความกังวลของตลาดต่อผลกระทบจากมาตรการภาษีการค้าสหรัฐฯ ต่อไทย ตามพัฒนาการเชิงบวกของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ต่อประเทศคู่ค้า ขณะที่เดือนมิ.ย. (ข้อมูลถึง 25 มิ.ย.68) ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) เฉลี่ยเคลื่อนไหวทรงตัว

น.ส.ปราณี กล่าวว่า การแข็งค่าของเงินบาท ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาค ซึ่งมีปัจจัยมาจากสถานการณ์ในตลาดโลก และเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าเป็นสำคัญ ขณะที่ปัญหาการเมืองภายในประเทศ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเช่นกัน และต้องจับตาดูพัฒนาการในระยะต่อไป

"การเข้าไปดูแลค่าเงินบาท ธปท.จะทำก็ต่อเมื่อค่าเงินบาทเคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน แต่ในปัจจุบันมองว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ยังมีทิศทางที่สอดคล้องกับภูมิภาค และสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน" น.ส.ปราณี ระบุ

*อัตราเงินเฟ้อ

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ค.อยู่ที่ -0.57% ลดลงจากเดือนก่อน สาเหตุจากอัตราเงินเฟ้อหมวดอาหารสดที่ลดลง จากผลของฐานราคาผักที่สูงในปีก่อนที่เผชิญภัยแล้ง ประกอบกับราคาผลไม้ลดลงตามผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานติดลบใกล้เคียงกับเดือนก่อน สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน อยู่ที่ 1.09% เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามราคาอาหารสำเร็จรูป ส่วนหนึ่งจากการส่งผ่านต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ เนื้อสุกร และน้ำมันพืช

สำหรับภาวะตลาดแรงงานโดยรวม ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน สะท้อนจากจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่เพิ่มขึ้นในหลายสาขา โดยเฉพาะภาคการผลิต และภาคการค้า รวมถึงสัดส่วนผู้ขอสิทธิว่างงานรวมและรายใหม่ต่อผู้ประกันตนรวมที่ปรับลดลง ด้านดุลบัญชีเดินสะพัด ขาดดุลลดลงจากดุลการค้าที่กลับมาเกินดุลเป็นสำคัญ ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามการส่งกลับกำไรไปต่างประเทศ



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ