น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินการตามโครงการพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมระบบไมโครกริด ในพื้นที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี ในกรอบวงเงินลงทุนรวม 255 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินกู้ในประเทศ 191 ล้านบาท (75%) และเงินรายได้ของ กฟภ. 64 ล้านบาท (25%) ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสายเคเบิลใต้น้ำขนาด 22 เควี ของเกาะสีชัง ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ ส่งผลให้เกิดปัญหาความมั่นคง เสถียรภาพ และคุณภาพไฟฟ้าในพื้นที่ รวมถึงการขาดทุนในการประกอบกิจการประมาณ 100 ล้านบาท/ปี ดังนั้น กฟภ. จึงมีแนวคิดในการนำระบบไมโครกริดมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
น.ส.ศศิกานต์ กล่าวว่า ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้ คือ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และเพิ่มสัดส่วน Renewable Energy, เพิ่มผลผลิตและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจโดยเฉพาะการท่องเที่ยว และธุรกิจต่อเนื่องบนพื้นที่เกาะสีชัง, ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากรบนเกาะสีชัง รวมทั้งสร้างทัศนคติที่ดีของประชาชนต่อรัฐบาล ลดความเหลื่อมล้ำ แม้จะอยู่บนเกาะกลางทะเลที่ห่างไกล โดยประชาชนต้องได้รับการให้บริการจากโครงสร้างพื้ยฐานอย่างเท่าเทียม
ทั้งนี้ บอร์ด กฟภ. ได้ให้ความเห็นชอบดำเนินโครงการพัฒนาระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฯ ซึ่งมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
- วัตถุประสงค์
1. สนับสนุนนโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอนของภาครัฐ (Carbon Neutrality) โดยเพิ่มสัดส่วนพลังงานทดแทน (Renewable Energy)
2. เพิ่มขีดความสามารถและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าบนเกาะสีชัง จ.ชลบุรี
3. สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของประชาชน
- เป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ
ติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมระบบไมโครกริด ในพื้นที่เกาะสีชัง จ.ชลบุรี (พื้นที่ประมาณ 52 ไร่ เพื่อสร้างโครงสร้างรองรับแผงเซลล์อาทิตย์)
- ปริมาณงาน
1. ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ไม่น้อยกว่า 6 MWp 1 ระบบ
2. ระบบกักเก็บพลังงานด้วย ขนาด 2 MW/2.5 MWh และระบบควบคุม Monitoring พร้อมระบบสื่อสาร1 ระบบ
3. งานปรับปรุงไฟฟ้าดีเซล 1 งาน
4. งานปรับปรุงระบบจำหน่าย 1 งาน