"ทูน่ากระป๋องไทย" ยังไหว! คาดปีนี้โตแตะ 4% แม้เจอภาษีทรัมป์

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 7, 2025 12:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า ในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ที่ผ่านมา มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องของไทย ขยายตัวได้ 4.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปริมาณการส่งออกที่ขยายตัว 6.5% YOY ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากการเร่งนำเข้าของคู่ค้าฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย เพื่อกักตุนสินค้าก่อนครบกำหนดเส้นตายปรับขึ้นอัตราภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบในวันที่ 8 ก.ค. 68 จากที่ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ได้ชะลอการขึ้นภาษีออกไปอีก 90 วัน

นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกทูน่ากระป๋องไปยังหลายประเทศ ในกลุ่มตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ (MENA) ที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ภายในภูมิภาค ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น

  • คาดส่งออกทูน่ากระป๋องปีนี้ โต 4% แม้จะโดนภาษีสหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มการส่งออกทูน่ากระป๋อง ในช่วงที่เหลือของปีนี้ SCB EIC คาดว่าจะยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แม้อาจจะชะลอลงบ้างในช่วงครึ่งหลังของปี หลังการบังคับใช้ภาษีตอบโต้เต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้มูลค่าการส่งออกทูน่ากระป๋องในปี 68 เติบโตได้ที่ราว 4%YOY

ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มการส่งออก จะยังได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการบริโภคอาหารประเภทโปรตีนที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่มีราคาที่จับต้องได้ ท่ามกลางกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนแอ รวมทั้งอานิสงส์จากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงยืดเยื้อ และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว จะมีส่วนช่วยให้หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง มีความต้องการกักตุนสินค้าอาหารที่สามารถเก็บไว้บริโภคได้นาน เช่น ทูน่ากระป๋อง เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

  • จับตา "เอกวาดอร์-จีน" คู่แข่งสำคัญของไทย

สำหรับประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาในระยะต่อไป คือการแข่งขันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะจากคู่แข่งสำคัญอย่างเอกวาดอร์ และจีน ทั้งนี้ กำแพงภาษีที่สูงขึ้นจากนโยบายภาษีทรัมป์ จะทำให้คู่แข่งหลักของไทยในตลาดสหรัฐฯ อย่างเอกวาดอร์ มีแต้มต่อที่ดีขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มโดนเก็บภาษีตอบโต้ในอัตราที่ต่ำกว่าไทย

ปัจจัยดังกล่าว อาจมีผลให้คู่ค้าบางส่วน หันไปนำเข้าทูน่ากระป๋องจากเอกวาดอร์เพิ่มขึ้นแทน ขณะที่คู่แข่งอีกรายที่จะมองข้ามไม่ได้ คือจีน ซึ่งมีการพัฒนาอุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยใช้นวัตกรรมเป็นตัวขับเคลื่อน

ดังนั้น เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ผู้ประกอบการไทย จะต้องเร่งยกระดับมาตรฐาน และประสิทธิภาพการผลิต วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาพร้อม ๆ ไปกับขยายการส่งออกไปยังตลาดผู้บริโภคที่มีศักยภาพ เช่น ภูมิภาคตะวันออกกลาง เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป

ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม ยังต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) ที่มีแนวโน้มเข้มงวดมากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมง และการทำประมงอย่างยั่งยืน (Sustainable fishing) เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ ESG

ทั้งนี้ ยังรวมถึงความท้าทายจากการปรับโมเดลธุรกิจ และกลยุทธ์การเติบโตให้สอดรับกับเมกะเทรนด์สำคัญของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทรนด์รักสุขภาพ รวมทั้งต้องให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่ทันสมัยมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ