PwC ชี้ AI ช่วยเพิ่มผลิตภาพถึงสี่เท่า-ค่าจ้างสูงกว่าปกติถึง 56% ภาพรวมจ้างงานยังโตแม้บางตำแหน่งถูกแทนที่

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 9, 2025 12:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

PwC ชี้ AI ช่วยเพิ่มผลิตภาพถึงสี่เท่า-ค่าจ้างสูงกว่าปกติถึง 56% ภาพรวมจ้างงานยังโตแม้บางตำแหน่งถูกแทนที่

PwC เผยรายงานฉบับล่าสุดชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับศักยภาพของแรงงานเท่านั้น แต่ยังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในตลาดแรงงานอย่างเป็นรูปธรรม โดย AI มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการผลิตและการดำเนินธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ผลิตภาพโดยรวมของแรงงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงค่าจ้างที่สูงขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มแรงงานที่มีทักษะด้าน AI ซึ่งมีแนวโน้มได้รับค่าตอบแทนสูงกว่าค่าเฉลี่ยอย่างเห็นได้ชัด และยังสามารถพัฒนาเส้นทางอาชีพไปสู่ตำแหน่งที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

แรงงานที่มีทักษะด้าน AI มีค่าจ้างเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 56% ในปี 2567 ซึ่งเป็นสองเท่าของ 25% จากปีก่อนสวนทางกับความคาดหมาย ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนงานที่เกี่ยวข้องกับ AI เพิ่มขึ้น 38% แม้ว่าอัตราการเติบโตนี้จะต่ำกว่าสายอาชีพที่ใช้ AI น้อยกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI สูงที่สุด มีการเติบโตของรายได้ต่อพนักงานสูงกว่าสามเท่า (27%) เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI ต่ำที่สุด (9%) ทักษะที่นายจ้างต้องการมีการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นถึง 66% ในตำแหน่งงานที่ มีการใช้ AI มากที่สุด

รายงาน "Global AI Jobs Barometer 2025" ของ PwC ได้วิเคราะห์ข้อมูลประกาศรับสมัครงานเกือบหนึ่งพันล้านตำแหน่งจากหกทวีปทั่วโลก ระบุว่าตั้งแต่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง (GenAI) มาใช้อย่างแพร่หลายในปี 2565 อุตสาหกรรมที่ประยุกต์ใช้ AI อย่างเข้มข้น เช่น บริการทางการเงินและซอฟต์แวร์ มีอัตราการเติบโตของผลิตภาพ (productivity) เพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่า โดยขยับจาก 7% ในช่วงปี 2561-2565 เป็น 27% ในช่วงปี 2561-2567 ในทางกลับกัน กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI น้อยที่สุด เช่น เหมืองแร่ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก พบว่าอัตราการเติบโตของผลิตภาพลดลงจาก 10% เหลือ 9% ในช่วงเวลาเดียวกัน

ทั้งนี้ ข้อมูลปี 2567 ยังชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI สูงสุดมีการเติบโตของรายได้ต่อพนักงานสูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานน้อยที่สุดถึงสามเท่า

นางแครอล สตับบิงส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของ AI ในการขับเคลื่อนธุรกิจที่กำลังเกิดขึ้นจริง และยังเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่เรานำ agentic AI มาใช้ในระดับองค์กร เราเห็นการหลอมรวมระหว่างเทคโนโลยีกับวัฒนธรรม ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการปรับมุมมองต่อการดำเนินงานและสร้างคุณค่าทางธุรกิจขององค์กร"

จำนวนตำแหน่งงานในเกือบทุกสาขาอาชีพที่ใช้ AI ยังคงขยายตัว แม้ในกลุ่มงานที่สามารถแทนที่ได้ด้วยระบบอัตโนมัติ ทั้งนี้ ข้อมูลจากรายงานนี้ไม่พบแนวโน้มการลดลงของตำแหน่งงานหรือค่าตอบแทนที่เกิดจากเทคโนโลยี AI ตรงกันข้ามกับหลายสมมติฐาน

แม้อาชีพที่มีการนำ AI มาใช้น้อยกว่าจะมีอัตราการเติบโตของตำแหน่งงานโดดเด่นถึง 65% ในช่วงปี 2562-2567 แต่อาชีพกลุ่มที่นำ AI มาใช้มากก็ยังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอยู่ที่ 38% และสำหรับอาชีพที่ใช้ AI อย่างเข้มข้นสามารถแยกย่อยได้เป็น งานที่ถูกทำด้วยระบบอัตโนมัติ (เช่น งานที่ AI สามารถดำเนินการบางส่วนได้) และงานที่ถูกเสริมศักยภาพ (เช่น งานที่มนุษย์นำ AI มาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิผล)

ผลการศึกษาพบว่าจำนวนตำแหน่งงานในทั้งสองกลุ่มดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกศึกษาโดยเฉพาะกลุ่มงานที่ได้รับการเสริมศักยภาพจาก AI ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูงกว่ากลุ่มอื่น

ค่าจ้างเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AIค่าจ้างในอุตสาหกรรมที่มีการใช้ AI เพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุตสาหกรรมที่มีการใช้งานน้อยกว่าถึงสองเท่า โดยค่าจ้างเพิ่มขึ้นทั้งในงานที่สามารถทำได้โดยระบบอัตโนมัติและงานที่ AI เข้ามาเสริมศักยภาพมนุษย์ ทั้งนี้ ตำแหน่งงานที่ต้องการทักษะด้าน AI ก็มีค่าตอบแทนสูงกว่างานในสายเดียวกันที่ไม่ต้องการทักษะ AI ในทุกอุตสาหกรรมที่ถูกวิเคราะห์ โดยค่าตอบแทนเฉลี่ยที่สูงกว่านี้อยู่ที่ 56% เพิ่มขึ้นจาก 25% ในปีที่แล้วงานที่ต้องใช้ทักษะ AI ยังคงเติบโตเร็วกว่าตำแหน่งงานอื่น ๆ โดยเพิ่มขึ้น 7.5% จากปีที่ก่อน ในขณะที่ประกาศรับสมัครงานทั้งหมดลดลง 11.3%

นาย โจ แอทคินสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย AI ระดับโลกของ PwC กล่าวว่า เมื่อเทียบกับความกังวลที่ว่า AI อาจทำให้จำนวนงานลดลงอย่างมาก ผลการศึกษาในปีนี้แสดงให้เห็นว่างานกำลังเติบโตในแทบทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้แต่ในกลุ่มที่สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้สูง AI กำลังเสริมศักยภาพและเปิดโอกาสให้ความเชี่ยวชาญกลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้มากขึ้น ช่วยให้พนักงานขยายขอบเขตในการเพิ่มผลลัพธ์และมุ่งเน้นไปที่ความรับผิดชอบในระดับที่สูงขึ้น ด้วยรากฐานที่เหมาะสม ทั้งบริษัทและพนักงานจะสามารถกำหนดบทบาทและอุตสาหกรรมใหม่ และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในสายงานของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายด้านเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น

แรงสั่นสะเทือนด้านทักษะเร่งตัวขึ้น เมื่อ AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในทักษะที่พนักงานใช้เพื่อความสำเร็จแม้ว่าภาพรวมในด้านประสิทธิภาพการผลิต ค่าจ้าง และงานจะเป็นไปในทิศทางบวก งานวิจัยนี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่แรงงานและธุรกิจต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความต้องการทักษะจากนายจ้างกำลังเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น 66% ในสายงานที่ใช้ AI มากที่สุด จากเดิม 25% เมื่อปีที่แล้ว

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องใช้ในการประสบความสำเร็จในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI ก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ความต้องการวุฒิการศึกษาอย่างเป็นทางการจากนายจ้างลดลงสำหรับทุกตำแหน่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับ AI สัดส่วนของงานที่ AI ช่วยเสริมศักยภาพซึ่งต้องการวุฒิการศึกษาลดลง 7 จุดร้อยละ ระหว่างปี 2562 ถึง 2567 จาก 66% เหลือ 59% และลดลง 9 จุดร้อยละ (จาก 53% เหลือ 44%) สำหรับงานที่ AI สามารถทำงานแทนมนุษย์

ผลการวิจัยแสดงให้เห็นด้วยว่า ผลกระทบของ AI ต่อผู้หญิงและผู้ชายอาจไม่เท่ากัน โดยในทุกประเทศที่วิเคราะห์ พบว่าผู้หญิงที่ทำงานในสายงานที่ใช้ AI มีจำนวนมากกว่าผู้ชาย ซึ่งบ่งชี้ว่าความกดดันด้านทักษะที่ผู้หญิงต้องเผชิญจะสูงกว่า

นาย พีท บราวน์ หัวหน้ากำลังแรงงานระดับโลกของ PwC กล่าวว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ไม่เพียงเปลี่ยนอุตสาหกรรมต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังพลิกโฉมแรงงานและทักษะที่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่นายจ้างจะสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการทุ่มเงิน แม้ว่าจะสามารถจ่ายค่าตอบแทนสูงเพื่อดึงดูดผู้มีทักษะด้าน AI ได้ แต่ทักษะเหล่านั้นก็สามารถล้าสมัยได้อย่างรวดเร็วหากขาดการลงทุนในระบบที่ช่วยให้แรงงานได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ความจำเป็นทางธุรกิจสำหรับการใช้งาน AIหากธุรกิจต้องการเร่งการเติบโตและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ AI มอบให้ พวกเขาควรให้ความสำคัญกับ AI ตั้งแต่ตอนนี้

โดยรายงานฉบับนี้ได้แนะนำห้าแนวทางสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ ดังนี้

1. ใช้ AI เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งองค์กร

2. มอง AI เป็นกลยุทธ์การเติบโต ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ด้านประสิทธิภาพ

3. ให้ความสำคัญกับ agentic AI

4. พัฒนาและส่งเสริมทักษะแรงงานให้พร้อมใช้ประโยชน์จากพลังของ AI

5. ปลดล็อกศักยภาพการเปลี่ยนแปลงของ AI ด้วยการสร้างความไว้วางใจ

ด้าน ดร.ภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ หุ้นส่วนสายงานที่ปรึกษา บริษัท PwC ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า AI ช่วยเพิ่มผลิตภาพและเปลี่ยนแปลงทักษะที่ตลาดแรงงานไทยต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการทางการเงินและเทคโนโลยี ผู้มีทักษะด้านนี้จะมีโอกาสเติบโตและได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้น อย่างไรก็ดี องค์กรต่าง ๆ ควรสนับสนุนการมอง AI ในฐานะเครื่องมือที่ช่วยเสริมศักยภาพการทำงาน ไม่ใช่สิ่งที่มาแทนที่มนุษย์

"การเริ่มต้นจากการให้เห็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ในเชิงธุรกิจ พร้อมกับจัดฝึกอบรมให้ความรู้จะช่วยให้พนักงานเข้าใจการนำ AI ไปใช้ในงานประจำวันได้มากขึ้น นอกจากนี้ ควรมีแนวทางกำกับดูแลการใช้ AI อย่างรอบคอบ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นความปลอดภัยของข้อมูล จริยธรรม และความโปร่งใส ขณะเดียวกัน พนักงานก็ควรมีทัศนคติที่เปิดรับการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ และปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการทำงานเพื่อเตรียมพร้อมรับโอกาสที่เกิดขึ้นในยุค AI" ดร.ภิรตา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ