บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองทิศทางดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์ถัดไป (14-18 ก.ค.68) มีแนวรับอยู่ที่ 1,110 และ 1,100 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,130 และ 1,145 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลประกอบการไตรมาส 2/2568 ของ บจ.ไทย โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ ประเด็นเกี่ยวกับมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน มิ.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ค.ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือน มิ.ย.ของจีน อาทิ ตัวเลขส่งออก ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนแต่กลับมาปิดสูงกว่าระดับปิดสัปดาห์ก่อนเล็กน้อย ดัชนีหุ้นไทยขยับขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์จากคาดการณ์เกี่ยวกับโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. หลังตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย.ของไทยยังคงติดลบต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยกดดันจากประเด็นที่สหรัฐฯ เตรียมออกมาตรการควบคุมการส่งออกชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) มายังไทยและมาเลเซียก็ตาม
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงในเวลาต่อมาจนถึงช่วงกลางสัปดาห์ หลังมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ ยืนยันเรียกเก็บภาษีตอบโต้
ดัชนีหุ้นไทยกลับมาดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมีแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นบริษัทด้านพลังงานรายใหญ่แห่งหนึ่งจากข่าวการเตรียมงบลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม รวมถึงแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปก่อนการทยอยประกาศงบไตรมาส 2/2568 ทั้งนี้นักลงทุนยังคงติดตามประเด็นนโยบายภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
ในวันศุกร์ที่ 11 ก.ค.68 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,121.13 จุด เพิ่มขึ้น 0.11% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 30,128.95 ล้านบาท ลดลง 19.27% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.80% มาปิดที่ระดับ 236.42 จุด