ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.39 แข็งค่าสวนภูมิภาคตามราคาทอง คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.30-32.50

ข่าวเศรษฐกิจ Monday July 14, 2025 17:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.39 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.38 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.37-32.46 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้เงินบาทแข็งค่าสวนทางสกุลเงินอื่น ๆ ใน ภูมิภาค ในขณะที่สกุลเงินอื่นเคลื่อนไหวอ่อนค่า เนื่องจากยังมีความกังวลกับสถานการณ์เจรจาการค้าจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ

"วันนี้สกุลเงินภูมิภาคอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์ เพราะยังกังวลเรื่องภาษีทรัมป์ แต่บาทกลับแข็งค่าสวนทางภูมิภาค ซึ่งมาจาก ปัจจัยเรื่องราคาทองคำตลาดโลกด้วย" นักบริหารเงิน ระบุ

คืนนี้ สหรัฐฯ ยังไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยตลาดรอดูการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ในช่วงคืน วันพุธ รวมทั้งในช่วงนี้ ยังต้องติดตามการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าอื่นเพิ่มเติม

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30 - 32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.30 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 146.93 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1690 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,143.31 จุด เพิ่มขึ้น 22.18 จุด (+1.98%) มูลค่าซื้อขาย 33,684.38 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,380.30 ล้านบาท
  • จับตา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรุ่งนี้ "ขุนคลัง" เสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) คนใหม่ โดยมีการคาดหมายกันว่า "วิทัย รัตนากร" ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน จะเป็นชื่อที่ รมว.คลัง พิจารณาเสนอให้
ครม.เห็นชอบ ก่อนที่จะนำรายชื่อเสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
  • SCB EIC ประเมินว่า มีโอกาสมากขึ้น ที่จะเห็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
อีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นปี 2568 อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.25% แต่หากการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ ไม่
เป็นผลสำเร็จ โดยไทยถูกเรียกเก็บในอัตรา 36% เท่าเดิมนั้น กรณีนี้อาจเห็น กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลงมากกว่า 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปี
นี้
  • ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินว่า ทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ จะอยู่ในกรอบ 32.10-
32.80 บาท/ดอลลาร์ โดยมองว่า ประเด็นเรื่องสงครามการค้า จะเป็นปัจจัยชี้นำสำหรับสกุลเงินต่าง ๆ หลังจากผู้นำสหรัฐฯ ประกาศ
ภาษีตอบโต้ชุดใหม่กับสินค้าที่นำเข้าจาก 20 กว่าประเทศทั่วโลก
  • เจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่า จีน และสหรัฐฯ กำลังเร่งความพยายามในการปฏิบัติตามกรอบการทำ
งาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายบรรลุร่วมกัน ในระหว่างการเจรจาเศรษฐกิจและการค้า ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อเดือนมิ.ย.68
  • ทำเนียบขาว ส่งสัญญาณว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อาจใช้อำนาจปลด "เจอโรม พาวเวล" ประธาน
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยอ้างเหตุการปรับปรุงอาคารสำนักงานใหญ่ของเฟด ที่ใช้งบประมาณบานปลายเกินสมควร
  • ราคาบิตคอยน์ พุ่งขึ้นทะลุระดับ 120,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า บิตคอยน์จะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และทำสถิติใหม่ได้ นอกจากนี้ ราคาบิตคอยน์ยังพุ่งขึ้น ท่ามกลางความหวังที่
ว่า สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ จะอภิปรายและอาจลงคะแนนเสียงในกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล
  • รัฐมนตรีการค้า ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) อยู่ระหว่างประชุมร่วมกัน ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
ในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรจาก EU ในอัตรา 30% โดยจะมีผลในวันที่ 1
ส.ค.นี้
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนว่า ธนาคารรายใหญ่ทั่วโลก ไม่ควรออกเหรียญสเตเบิลคอยน์

(Stablecoin) ของตัวเอง พร้อมกับแนะนำให้ธนาคารเหล่านี้ ออกเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิม ที่เรียกว่า "สินทรัพย์ที่ได้รับการแปลงเป็นโท

เคน (tokenized deposits) แทน เนื่องจากสเตเบิลคอยน์ ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่ และมักจะผูกกับสกุลเงินดั้งเดิม อาจดึง

เงินออกจากระบบธนาคาร ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีเงินทุนสำหรับการปล่อยสินเชื่อน้อยลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ