นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 32.39 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.38 บาท/ดอลลาร์
ระหว่างวัน เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.37-32.46 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้เงินบาทแข็งค่าสวนทางสกุลเงินอื่น ๆ ใน ภูมิภาค ในขณะที่สกุลเงินอื่นเคลื่อนไหวอ่อนค่า เนื่องจากยังมีความกังวลกับสถานการณ์เจรจาการค้าจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
"วันนี้สกุลเงินภูมิภาคอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์ เพราะยังกังวลเรื่องภาษีทรัมป์ แต่บาทกลับแข็งค่าสวนทางภูมิภาค ซึ่งมาจาก ปัจจัยเรื่องราคาทองคำตลาดโลกด้วย" นักบริหารเงิน ระบุ
คืนนี้ สหรัฐฯ ยังไม่มีรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยตลาดรอดูการรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.ในช่วงคืน วันพุธ รวมทั้งในช่วงนี้ ยังต้องติดตามการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้าอื่นเพิ่มเติม
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30 - 32.50 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.30 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 146.93 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1690 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,143.31 จุด เพิ่มขึ้น 22.18 จุด (+1.98%) มูลค่าซื้อขาย 33,684.38 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,380.30 ล้านบาท
- จับตา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พรุ่งนี้ "ขุนคลัง" เสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ
- SCB EIC ประเมินว่า มีโอกาสมากขึ้น ที่จะเห็นคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ประเมินว่า ทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์นี้ จะอยู่ในกรอบ 32.10-
- เจ้าหน้าที่สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยว่า จีน และสหรัฐฯ กำลังเร่งความพยายามในการปฏิบัติตามกรอบการทำ
- ทำเนียบขาว ส่งสัญญาณว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อาจใช้อำนาจปลด "เจอโรม พาวเวล" ประธาน
- ราคาบิตคอยน์ พุ่งขึ้นทะลุระดับ 120,000 ดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในช่วงเช้าวันนี้ (14 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่
- รัฐมนตรีการค้า ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) อยู่ระหว่างประชุมร่วมกัน ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม
- ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนว่า ธนาคารรายใหญ่ทั่วโลก ไม่ควรออกเหรียญสเตเบิลคอยน์
(Stablecoin) ของตัวเอง พร้อมกับแนะนำให้ธนาคารเหล่านี้ ออกเงินดิจิทัลแบบดั้งเดิม ที่เรียกว่า "สินทรัพย์ที่ได้รับการแปลงเป็นโท
เคน (tokenized deposits) แทน เนื่องจากสเตเบิลคอยน์ ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่ และมักจะผูกกับสกุลเงินดั้งเดิม อาจดึง
เงินออกจากระบบธนาคาร ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีเงินทุนสำหรับการปล่อยสินเชื่อน้อยลง