ส่งออกไทยมิ.ย.โต 15.5% ต่ำกว่าคาด แนวโน้ม H2 ชะลอตัว ภาษีทรัมป์-บาทแข็งกดดัน

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 24, 2025 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ส่งออกไทยมิ.ย.โต 15.5% ต่ำกว่าคาด แนวโน้ม H2 ชะลอตัว ภาษีทรัมป์-บาทแข็งกดดัน

นายพูนพงศ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนมิ.ย.68 ว่า การส่งออก มีมูลค่า 28,649 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 15.5% จากตลาดคาดราว 18-19% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 27,588 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 13.1% ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,061 ล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกของไทย ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 12 และขยายตัวในระดับ 2 digit ต่อเนื่องกัน 6 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.68

ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.68) การส่งออก มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 166,851 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 15% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 166,914 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11.6% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า รวม 62.2 ล้านดอลลาร์

ส่งออกไทยมิ.ย.โต 15.5% ต่ำกว่าคาด แนวโน้ม H2 ชะลอตัว ภาษีทรัมป์-บาทแข็งกดดัน

โดยปัจจัยที่สนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกในเดือนมิ.ย.นี้ คือ การเร่งส่งออก เนื่องจากประเทศคู่ค้าเร่งสต็อกสินค้าก่อนที่มาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ, แรงส่งต่อเนื่องจากการส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมทั้งการขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออกสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมเกษตรที่สำคัญ เช่น ผลไม้, มันสำปะหลัง และน้ำตาลทราย

  • ภาษีทรัมป์-บาทแข็ง กดดันส่งออกไทย H2/68 ชะลอแน่

ผู้อำนวยการ สนค. ยอมรับว่า การส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มชะลอตัวลงแน่นอน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากเงินบาทที่แข็งค่า แต่อย่างไรก็ดี เชื่อว่า ภาพรวมการส่งออกของไทยทั้งปีนี้ จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะขยายตัวได้ 2-3%

"ครึ่งปีหลัง ส่งออกไทยชะลอตัวแน่นอน จากผลกระทบของมาตรการภาษีสหรัฐ และเงินบาทที่แข็งค่า โดยเดือนก.ค. เชื่อว่าส่งออกจะชะลอตัว คงโตได้ไม่ถึง 2 หลักแล้ว แต่ทั้งปี จะยังโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 2-3%" นายพูนพงษ์ ระบุ

ทั้งนี้ หากจะทำให้การส่งออกของไทย เป็นไปตามเป้าหมายการเติบโตที่ตั้งไว้ 2-3% นั้น ในช่วง 6 เดือนที่เหลือ จะต้องมีมูลค่าการส่งออกไม่ต่ำกว่าเดือนละ 23,300 - 23,800 ล้านดอลลาร์

*ส่งออกรายกลุ่มสินค้า ขยายตัวดีในทุกกลุ่ม ดังนี้

- สินค้าเกษตร มีมูลค่า 2,788.4 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 10.7% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็นแช่แข็ง และแห้ง, ไก่สด แช่เย็นแช่แข็ง และแห้ง, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง

- สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่า 2,203 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 17.4% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์, น้ำตาลทราย, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ, ผลไม้กระป๋อง และแปรรูป

- สินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 22,871 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 17.6% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 โดยสินค้าที่ที่ขยายตัวดี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า และส่วนประกอบอื่น ๆ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เครื่องจักรกล และส่วนประกอบ, อัญมณี และเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำไม่ขึ้นรูป)

  • ส่งออกมิ.ย. ขยายตัวดีในทุกตลาดหลัก

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ในเดือนมิ.ย.นี้ การส่งออกไปตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวดี โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน ที่ได้รับปัจจัยหนุนต่อเนื่อง จากการเร่งนำเข้าสินค้าของประเทศคู่ค้า ก่อนที่มาตรการภาษีต่างตอบแทนของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้

โดยตลาดส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 สวิตเซอร์แลนด์ ขยายตัว 257.3% อันดับ 2 สหรัฐฯ ขยายตัว 41.9% อันดับ 3 แคนาดา ขยายตัว 40% อันดับ 4 ไต้หวัน ขยายตัว 30.6% อันดับ 5 จีน ขยายตัว 23.1% อันดับ 6 สหราชอาณาจักร ขยายตัว 17.6% อันดับ 7 รัสเซีย และ CIS ขยายตัว 14.1% อันดับ 8 สหภาพยุโรป ขยายตัว 11.9% อันดับ 9 CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ขยายตัว 9% และอันดับ 10 อาเซียน (5) ขยายตัว 6.5%

  • จับตาภาษีทรัมป์ ชี้ชะตาส่งออกไทย

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกครึ่งหลังของปี 2568 การดำเนินมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลต่อการค้าไทยและโลกอย่างมีนัยสำคัญ ผลของการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีต่างตอบแทนจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.68 เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อทิศทางการค้าระหว่างประเทศในอนาคตของไทย

โดยไทยได้ยื่นข้อเสนอฉบับใหม่แก่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ที่เปิดตลาดมากขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี คาดว่าไทยจะได้รับอัตราภาษีที่เหมาะสม และยังสามารถแข่งขันกับประเทศผู้ส่งออกรายอื่นในภูมิภาคได้

"ถ้าเราได้อัตราภาษีในระดับ 18-20% ซึ่งเกาะกลุ่มกันในระดับเดียวกับภูมิภาค ก็จะไม่มีผลกระทบมากต่อการส่งออกของไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้...แต่ถ้าโดน 36% มีปัญหาแน่ เพราะเพื่อนบ้านเราได้กันไป 19-20% และเราเป็นประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเยอะ" นายพูนพงษ์ ระบุ

อย่างไรก็ดี ในระยะยาว การสร้างความสมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ ถือว่าจะเป็นโอกาสให้ไทยเร่งปรับปรุงโครงสร้างการส่งออกไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต สร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ เพื่อรองรับการกระจายความเสี่ยงการผลิตและลงทุน และยกระดับสภาพแวดล้อมทางการค้าของประเทศให้แข่งขันได้ในระดับโลกเพิ่มขึ้น ส่วนการบรรเทาผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ นั้น ภาครัฐได้เตรียมความพร้อมด้วยมาตรการสนับสนุน ทั้งภาคธุรกิจ และเกษตรกรรม

สำหรับปัจจัยอื่น ๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่อการส่งออกไทยในครึ่งปีหลัง ได้แก่ ความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์, ผลไม้ที่กำลังออกสู่ตลาด, สงครามในตะวันออกกลาง, การชะลอการลงทุนเพื่อรอดูท่าทีการเจรจา, การปรับตัวของผู้ส่งออกในการปรับเปลี่ยนแหล่งนำเข้าวัตถุดิบให้สอดคล้องกับเงื่อนไขของการลดภาษีของสหรัฐฯ

"สถานการณ์เหล่านี้ เป็นประเด็นที่กระทรวงพาณิชย์ยังคงต้องติดตาม และหามาตรการรับมือ เพื่อแก้ปัญหาและหาแนวทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสมต่อไป" นายพูนพงษ์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ว่าผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะมีข้อสรุปอัตราภาษีที่ระดับใด กระทรวงพาณิชย์ ก็มีมาตรการรองรับและป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้า โดยเฝ้าระวังสินค้าสำคัญใน 49 รายการมากขึ้นในเรื่องของแหล่งกำเนิดสินค้าที่กรมการค้าต่างประเทศจะเป็นผู้ให้ใบรับรองเอง นอกจากนี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ยังมีการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเปิดตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ ละตินอเมริกา ยุโรป ขณะที่ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างไทย-อียู, ไทย-เกาหลีใต้ และไทย-UAE ขณะที่รัฐบาลจัดเตรียมวงเงินสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) 2 แสนล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ