ไทย-กัมพูชา: ม.หอการค้าฯ ชี้หากไทย-เขมรเดือดนาน ปิดด่านยาวถึงสิ้นปี กระทบแน่ 5.5 หมื่นลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 24, 2025 18:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลกระทบต่อการค้าชายแดนของไทย จากเหตุปะทะชายแดนกัมพูชาว่า ปัจจุบันไทยมีการค้าผ่านแดนกับกัมพูชา ผ่านจุดผ่านแดนถาวรหลักรวม 5 ด่าน คือ ด่านอรัญประเทศ คลองใหญ่ ช่องจอม จันทบุรี และช่องสะงัม

ทั้งนี้ หากเหตุการณ์ปะทะรุนแรงจนต้องปิดด่านทั้ง 5 แห่ง คาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทย ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท/เดือน และหากเหตุการณ์ยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นปีนี้ อาจจะสร้างความเสียหายรวม 5.5 หมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ดี การค้าขายผ่านทั้ง 5 ด่าน เป็นการค้าขายทางบก แต่หลังจากเกิดปัญหาความขัดแย้ง ผู้ค้าขายได้ปรับรูปแบบการค้าเป็นการค้าและส่งออกผ่านทางอากาศ และทางเรือนแทน ซึ่งอาจจะทำให้ความเสียหายด้านการค้าของ 2 ฝ่ายลดดลง

"ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ว่าเหตุปะทะจะยืดเยื้อ รุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ ไทยได้ตัดความสัมพันธ์ทางการทูต และลดระดับความสัมพันธ์กับกัมพูชาแล้ว" นายธนวรรธน์ ระบุ

ทั้งนี้ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ได้ประเมินผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 5 ด่าน ใน 3 Scenario ดังนี้

- กรณีฐาน ความตึงเครียดคลี่คลายได้เร็ว สามารถแก้ไขความขัดแย้งและฟื้นฟูสถานการณ์ค้าชายแดนได้ภายใน 1 เดือน จะมีผลกระทบต่อการส่งออกที่อาจลดลง 11,600 ล้านบาท

- กรณีความตึงเครียดยืดเยื้อปานกลาง สามารถแก้ไขความขัดแย้งและฟื้นฟูสถานการณ์ค้าชายแดนได้ภายใน 3 เดือน จะมีผลกระทบต่อการส่งออกที่อาจลดลง 34,000 ล้านบาท

- กรณีเลวร้ายสุด ปิดด่าน 100% ตลอดช่วงที่เหลือของปี 2568 จะมีผลกระทบต่อการส่งออกที่อาจลดลง 55,000 ล้านบาท

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอกาค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้งกำลังพลและประชาชน ตลอดจนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และเกิดการหยุดชะงักของกิจกรรมทางการค้าและการลงทุนระหว่าง 2 ประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ความมั่นคง และความร่วมมือในระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ

ส่วนในด้านการค้าการลงทุนนั้น หอการค้าไทย ขอยืนยันว่า ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยยังคงเปิดด่านการค้าอย่างต่อเนื่อง และไม่เคยมีนโยบายปิดกั้นการค้าชายแดน อย่างไรก็ตาม มาตรการด้านความมั่นคง และสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการชะลอตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภาพรวมการค้าชายแดนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.68) พบว่า การส่งออกจากไทยไปมาเลเซีย มีมูลค่าสูงสุดที่ 6,434 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 6.4% รองลงมา เป็นการส่งออกไปกัมพูชา มีมูลค่า 5,123 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 12.4% อันดับสาม การส่งออกไป สปป.ลาว มูลค่า 2,901 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3.8% และอันดับ 4 การส่งออกไปเมียนมา มูลค่า 2,237 ล้านบาท ขยายตัว 1.7%

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มีผลกระทบต่อการค้าชายแดนเฉพาะไทยกับกัมพูชา แต่ไม่ได้กระทบต่อภาพรวมการค้าชายแดนกับอีก 3 ประเทศ คือ เมียนมา ลาว และมาเลเซีย และไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกในภาพรวมของไทยมากนัก

ขณะที่การค้าผ่านแดนนั้น ก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เนื่องจากสินค้าส่งออกจากไทยไปประเทศที่ 3 เช่น จีนนั้น จะใช้การผ่านแดนทาง สปป.ลาว และเวียดนามเป็นช่องทางหลัก โดยไม่ได้มีการผ่านแดนไปทางกัมพูชาอยู่แล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ