ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.43/44 อ่อนค่าสุดในภูมิภาค ตลาดรอตัวเลขจ้างงานสหรัฐ คาดกรอบพรุ่งนี้ 32.30-32.65

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday July 29, 2025 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.43/44 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงเช้าเปิด ตลาดที่ระดับ 32.44 บาท/ดอลลาร์

ทั้งนี้ ระหว่างวันเงินบาทยังไร้ปัจจัยใหม่ โดยเคลื่อนไหวในกรอบ 32.42 - 32.50 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวอ่อนค่าไปใน ทิศทางเดียวกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค โดยเงินบาทอ่อนค่าสุดในภูมิภาค

"ปัจจัยเรื่องความขัดแย้งชายแดนไทยและกัมพูชา ค่อนข้างมีผลจำกัดต่อเงินบาท เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มีข่าวการหยุด ยิงตอนเที่ยงคืน แต่สถานการณ์จริง ก็ยังไม่ได้มีการหยุดยิง และล่าสุดสมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้ออกมาโพสต์ขอบคุณที่ ไทยและกัมพูชาทำข้อตกลงในการหยุดยิงด้วย" นักบริหารเงิน ระบุ

สำหรับคืนนี้ รอติดตามตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน และอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมิ.ย.ของสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้ เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30 - 32.65 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 148.53/55 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 148.48 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1578/1579 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1590 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,233.68 จุด เพิ่มขึ้น 16.53 จุด (+1.36%) มูลค่าการซื้อขาย 51,323.28 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 3,405.41 ลบ.(SET+MAI)
  • "ภูมิธรรม" รักษาการนายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลไทยได้ทำหนังสือประท้วงไปยังประธานอาเซียน สหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็น
สักขีพยานในการเจรจาหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อให้ได้รับทราบว่าการละเมิดข้อตกลงนี้ เป็นเหตุจากการไม่ซื่อตรง และไม่จริงใจ
ของกัมพูชาอย่างชัดเจน
  • รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เพื่อประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาที่จะ
มีต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยหากประเมินในเบื้องต้นที่สถานการณ์ดำเนินมาประมาณ 1 สัปดาห์ หากไม่นับรวมผลกระทบทางการค้า คาด
ว่าจะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลเตรียมเงินในส่วนที่เหลือจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจ เข้ามารองรับผลกระทบจากสถานการณ์ไทย-
กัมพูชาได้ และอาจดึงงบประมาณส่วนอื่นเข้ามาเสริมด้วย
  • "จุลพันธ์" รมช.คลัง ระบุว่า กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางหรือมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจใน
ช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเบื้องต้นอาจจะมีการผลักดันมาตรการในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ซึ่งอาจเป็นในรูปแบบของมาตการ
ทางภาษี โดยขณะนี้กำลังหารือร่วมกันในรายละเอียดอย่างเข้มข้นกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  • ประธานกรรมการหอการค้าไทย ขอให้ฝ่ายเจรจาไทยเร่งหาข้อสรุปอัตราภาษีจากสหรัฐอย่างเป็นธรรมโดยด่วน ก่อนที่จะ
ครบกำหนดในวันที่ 1 ส.ค.นี้ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง ที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น และการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจ หลังจากเส้น
ตายดังกล่าว
  • รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ระบุ ภาพรวมสถานการณ์ท่องเที่ยว ล่าสุดประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสม
ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-27 ก.ค. 68 ทั้งสิ้น 18,983,936 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 8.7 แสนล้าน
บาท พร้อมยอมรับว่าจากความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา มีต่างชาติยกเลิกเดินทางเข้าไทยแล้วประมาณ 8 พันคน
  • รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การขยายระยะเวลาพักรบทางการค้ากับจีนออกไปอีก 90 วัน เป็นผลลัพธ์ที่มีความเป็นไป
ได้สูง ขณะที่การเจรจาระดับสูงระหว่างสองประเทศกำลังดำเนินอยู่ อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าการตัดสินใจสุดท้าย ขึ้นอยู่กับประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์
  • ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในช่วงเช้าวันนี้ (29 ก.ค.) ระบุว่า
สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาคลี่คลายลงแล้ว หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนที่ผ่านมา
  • รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นการเกิดครั้งสำคัญ ด้วยการเปิดตัวโครงการอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการดูแลบุตรทั่ว
ประเทศ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปีนี้ โดยจะมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวปีละ 3,600 หยวน (ราว 503 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อบุตรหนึ่งคนที่
มีอายุต่ำกว่า 3 ปี เพื่อรับมือกับวิกฤตประชากรเกิดใหม่ลดลง และจำนวนผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ส่งสัญญาณเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเร็ว ๆ นี้ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน
ทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยชี้ว่า แม้จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 10 ก.ค. แต่คณะ
กรรมการส่วนใหญ่เห็นพ้องว่ายังมีความจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยลงอีก
  • คืนนี้สหรัฐฯ จะมีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรง

งาน (JOLTS) เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ