BOI เปิด 2 มาตรการใหม่! "เครดิตภาษี" รับมือกติกาใหม่ภาษีโลก-ส่งเสริมสตาร์ทอัพกลุ่ม Deep Tech

ข่าวเศรษฐกิจ Monday August 4, 2025 10:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

BOI เปิด 2 มาตรการใหม่!

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบการแก้ไข พ.ร.บ.การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย พ.ศ.2560 ที่อยู่ภายใต้บีโอไอ เพื่อเพิ่มเครื่องมือสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ "เครดิตภาษี" ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศต่าง ๆ ในการดึงดูดนักลงทุนเป้าหมาย ภายใต้กติกาภาษีใหม่ของโลก (Global Minimum Tax) อีกทั้งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรทักษะสูงโดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเพื่อพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไป

เนื่องจากขณะนี้องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้กำหนดกลไกจัดเก็บภาษีขั้นต่ำจากบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ของทั้งเครือตั้งแต่ 750 ล้านยูโรต่อปีขึ้นไป (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) ซึ่งเดิมอาจได้รับสิทธิพิเศษจากประเทศต่าง ๆ ทำให้อัตราภาษีที่แท้จริง (Effective Tax Rate) ต่ำกว่า 15% โดย OECD กำหนดให้ประเทศที่รองรับการลงทุนหรือประเทศที่บริษัทแม่ตั้งอยู่ สามารถจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม เพื่อให้ครบตามเกณฑ์ภาษีขั้นต่ำได้ 15% ทำให้ประเทศต่าง ๆ ต้องทยอยออกกฎหมายเพื่อเก็บภาษีส่วนเพิ่มกับบริษัทข้ามชาติที่มีสาขาอยู่ในประเทศของตน รวมถึงประเทศไทย โดยกระทรวงการคลังได้ออก พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ.2567 ซึ่งมีผลใช้บังคับแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.68 โดยปัจจุบันมีบริษัทข้ามชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนและเข้าข่ายตามกฎหมายดังกล่าวประมาณ 1,500 ราย รวมทั้งบริษัทใหญ่ของไทยประมาณ 100 ราย ขณะเดียวกันประเทศต่าง ๆ ก็เริ่มทยอยออกมาตรการบรรเทาผลกระทบของ Global Minimum Tax ในรูปแบบที่แตกต่างกันไป

เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย และจูงใจให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง บีโอไอจึงเสนอปรับแก้กฎหมายการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ที่อยู่ภายใต้บีโอไอ เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ใหม่ในรูปแบบเครดิตภาษี (Qualified Refundable Tax Credit: QRTC) ซึ่งเป็นเครื่องมือส่งเสริมการลงทุนตามแนวทางที่ OECD ยอมรับเพื่อให้ประเทศไทยมีเครื่องมือดึงดูดการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาฐานการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมายควบคู่กับการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับเครดิตภาษี (QRTC) เป็นการอนุญาตให้นำเงินลงทุนและค่าใช้จ่ายสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ เช่น การวิจัยและพัฒนา การสร้างนวัตกรรม การพัฒนาบุคลากรทักษะสูง การยกระดับมาตรฐาน การลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ระบบอัตโนมัติ และความยั่งยืน ไปใช้คำนวณเป็นเครดิต ซึ่งเครดิตดังกล่าวสามารถนำไปใช้ชำระภาษีต่าง ๆ แทนเงินสด เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีส่วนเพิ่ม หรือภาษีอากรอื่นตามที่กระทรวงการคลังกำหนด และหากผู้ได้รับการส่งเสริมใช้เครดิตภาษีนั้นแล้ว แต่ยังมีคงเหลือ สามารถขอคืนเป็นเงินสดได้ภายใน 4 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด ซึ่งเครดิตภาษีจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม เพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจได้ทันที และยังช่วยสนับสนุนให้มีการลงทุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่องออกมาตรการเสริมความแข็งแกร่งสตาร์ตอัปไทย

*มาตรการเสริมศักยภาพสตาร์ทอัพไทยกลุ่ม Deep Tech

นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ยังเห็นชอบให้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพสูง ให้ตอบโจทย์ธุรกิจในช่วงเติบโต (Growth Stage) โดยใช้กลไกการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ภายใต้บีโอไอ แก่สตาร์ทอัพในลักษณะ Matching Fund โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นสตาร์ทอัพที่ได้รับเงินร่วมลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท จากกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) หรือที่จัดตั้งโดยสถาบันการเงินในประเทศ และบีโอไอจะพิจารณาสนับสนุนในวงเงินไม่เกินกว่ามูลค่าที่ได้รับจาก VC แต่ทั้งนี้ไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อราย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมและมุ่งขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น

มาตรการใหม่นี้จะมุ่งเน้นสตาร์ทอัพที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ เกษตรและอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ การแพทย์ หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ การพัฒนาเทคโนโลยี AI และเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG) โดยผู้ได้รับการส่งเสริมจะต้องมีบุคคล/นิติบุคคลสัญชาติไทยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 51% และกลุ่มผู้ก่อตั้ง (Founder) ต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่า 60%

"การปรับปรุง พ.ร.บ.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ ครั้งนี้ จะทำให้บีโอไอมีเครื่องมือใหม่ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั่วโลก ในยุคที่กติกาการเก็บภาษีขั้นต่ำของ OECD เข้ามามีอิทธิพลกับการตัดสินใจลงทุนระหว่างประเทศของบริษัทยักษ์ใหญ่ โดยเครดิตภาษีหรือ QRTC จะเป็นเครื่องมือที่สอดคล้องกับกฎของ OECD และจะช่วยดึงดูดการลงทุนคุณภาพโดยเฉพาะเม็ดเงินลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา การสร้างบุคลากรทักษะสูง และการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มาตรการส่งเสริมสตาร์ทอัพที่บอร์ดอนุมัติครั้งนี้ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสและสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพไทย โดยเฉพาะในกิจการที่มีเทคโนโลยีสูงและเป็นจุดแข็งของประเทศ" นายนฤตม์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ