
นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เพื่อขอให้รัฐบาลยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐฯ และไม่มีแผนที่จะเจรจาในครั้งต่อไป โดยเนื้อหาระบุว่า
ตามที่รัฐบาลเปิดเผยหลังการเจรจาว่า สหรัฐอเมริกา ประกาศเก็บภาษีศุลกากรนำเข้าจากไทย ที่อัตรา 19% และเปิดเสรีสินค้าให้กับสหรัฐฯ นับหมื่นรายการ เช่น เชอรี่ ลำไย ปลานิล ข้าวโพด เนื้อหมู และจากคำถามตามสื่อสาธารณะทั่วไป นายพิชัย ในฐานะหัวหน้าทีมเจรจา เปิดเผยว่าสุดท้ายของการเจรจาอาจมีการเปิดตลาดสินค้าสุกรให้กับสหรัฐฯ หรือไม่?
"ในการให้สัมภาษณ์สื่อ สร้างความกังวลให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ จากการตอบคำถามที่ยังไม่มีความชัดเจน อีกทั้งได้กล่าวถึงแนวทางการปฏิบัติ ขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติการเปิดตลาดสินค้าสุกร" นายสิทธิพันธ์ ระบุปัจจุบัน ภาคปศุสัตว์ให้ความร่วมมืออย่างดีกับการรองรับวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ผลิตในประเทศ ในระดับราคาที่เกษตรกรไม่ขาดทุน เช่น การให้ความร่วมมือรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเกษตรกรในราคาที่ไม่ต่ำกว่า 9 บาท/กิโลกรัม สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีความชื้นไม่เกิน 14.5% แม้ว่าระดับราคาดังกล่าว จะทำให้ต้นทุนการผลิตภาคปศุสัตว์ และสุกรสูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ราคาผลผลิตสินค้าปศุสัตว์และสุกรให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในด้านการจำกัดราคาในช่วงที่เกินต้นทุน โดยเกษตรกรจะมีการบริหารจัดการกันเองในช่วงที่ราคาขายต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งมีลักษณะนี้มาตลอด
นายสิทธิพันธ์ กล่าวว่า ปริมาณการผลิตสุกร และความต้องการบริโภคในประเทศ อยู่ในระดับที่มีส่วนเกินผลผลิตอยู่ในระดับหนึ่ง และยังคงต้องดูแลบริหารจัดการ Supply ส่วนเกิน เพื่อรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพ ให้ผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยสามารถประกอบอาชีพต่อได้ กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร 12 รายใหญ่ จึงได้ร่วมลงนามทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือที่จะไม่เพิ่มปริมาณการผลิตสุกรให้สอดคล้องกับการบริโภคภายในประเทศ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.68 ณ กรมปศุสัตว์
สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ในฐานะตัวแทนผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ จึงขอความชัดเจนจาก รองนายกฯ และรมว.คลัง ในประเด็นการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐฯ เพื่อสามารถให้คำตอบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศได้ ดังนี้
1. ขอให้ยืนยันว่า ไม่มีการตกลงเปิดตลาดสินค้าเนื้อสุกรจากสหรัฐในช่วงของการเจรจาดังกล่าว
2. ไม่มีการรับปากที่จะพิจารณาในครั้งต่อ ๆ ไป กับการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐฯ เพราะจากการให้สัมภาษณ์ นายพิชัย ใช้คำตอบว่า ถ้ามีการเปิดก็จะมีแนวทางในการพิจารณา 3 ประการ คือ 1.จำกัดปริมาณไม่เกิน 1% ของการบริโภคในประเทศ 2.กำหนดมาตรการ เช่น ตรวจรับรองต้นทาง 3.พิจารณาความต้องการของตลาดในประเทศ
"ขอให้ยืนยันเป็นหนังสือถึงเกษตรผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ ผ่านสมาคมฯ ว่าจะไม่มีการเปิดตลาดสินค้าสุกรจากสหรัฐในช่วงการเจรจา และไม่มีแผนที่จะเจรจาในครั้งต่อ ๆ ไป เนื่องจากสุกรเป็นสินค้าอ่อนไหว ที่การผลิตในประเทศไทยมีต้นทุนสูงกว่าการผลิตทั่วโลก จากการให้ความร่วมมือกับภาครัฐดังกล่าว" นายสุรพันธ์ ระบุ