กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยภายหลังผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติเป็นเอกฉันท์ ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี อยู่ที่ 1.50% ต่อปี หลังจากคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในการประชุมครั้งก่อนหน้าเมื่อเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา
ในการแถลงของ กนง. ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 68 และ 69 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ที่ 2.3% และ 1.7% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อปัญหาเชิงโครงสร้างและขีดความสามารถในการแข่งขัน แม้ในช่วงครึ่งแรกของปี 68 เศรษฐกิจไทยขยายตัวดีจากการส่งออกกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ และภาคการผลิต
อย่างไรก็ดี คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปี เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอลงจากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการทางภาษีสหรัฐฯ และจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มระยะใกล้ที่ลดลงจากภาวะการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น ปัจจัยเหล่านี้จะยิ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่ม SME ลูกจ้าง และผู้ประกอบอาชีพอิสระ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ นอกจากนี้ กนง. ยังระบุถึงการหดตัวของสินเชื่อ และคุณภาพสินเชื่อที่ลดลงอีกด้วย โดยเฉพาะสินเชื่อ SME และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
สำหรับการประชุม กนง. ในครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นวันที่ 8 ต.ค. 68 โดยจากแถลงของกนง. ในวันนี้มีท่าทีระมัดระวังอย่างชัดเจน โดยมองว่าควรผ่อนคลายนโยบายทางการเงินมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าสภาวะทางการเงินเอื้ออำนวยและช่วยลดภาระให้กับกลุ่มเปราะบาง ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องดูแลเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ กรุงศรี โกลบอลมาร์เก็ตส์คาดว่า กนง. จะลดดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 1 ครั้งลงไปอยู่ที่ 1.25% ก่อนสิ้นปี 68 เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ
ในส่วนของเงินบาท แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยไปอยู่ที่ 32.30 บาท/ดอลลาร์ หลังจากกนง. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย โดยกนง. ระบุว่าค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ในภูมิภาค ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยลดลง
ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดกนง. ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือของปีนี้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่เหลือของปีนี้ ประกอบกับในการประชุมรอบนี้กนง. ระบุว่า นโยบายการเงินในระยะข้างหน้าควรอยู่ในระดับผ่อนคลายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะที่คาดว่ากนง. คงจะยังให้ความสำคัญกับจังหวะในการปรับลดดอกเบี้ยท่ามกลางขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (policy space) ที่มีจำกัดมากขึ้น และคงต้องติดตามการส่งผ่านของการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมาต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง นอกจากนี้ นับตั้งแต่การประชุมกนง. ครั้งถัดไป จะมีการเปลี่ยนผู้ว่าการธปท. รวมถึงกรรมการในคณะกรรมการธปท. บางรายหลังจากครบวาระ