สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง 0.5% เมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐทำให้นักลงทุนลดการถือครองสัญญาทองคำ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก และจากการที่นักลงทุนเข้ามาเทขายทำกำไร
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 9 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 1,756.1 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1761.5 - 1753 ดอลลาร์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 41.4 เซนต์ ปิดที่ 34.084 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.4 เซนต์ ปิดที่ 3.5645 ดอลลาร์/ปอนด์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 6.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 655.30 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ดิ่งลง 17.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,629.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ตลาดหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นๆ ปรับตัวลดลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนจำนวนมากไม่ต้องการเข้าเสี่ยงก่อนที่จะรับทราบผลว่ารัฐสภากรีซจะลงมติไว้วางใจนายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซหรือไม่ ซึ่งการลงมติดังกล่าวจะมีขึ้นหลังจากตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการแล้ว
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น จากการที่นักลงทุนกังวลว่า สถานการณ์ที่ผันผวนในประเทศกรีซอาจส่งผลกระทบต่อแผนการควบคุมวิกฤตหนี้ของยุโรป นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 80,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม ไมค์ ดาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านทองคำจากบริษัทพีเอฟจีเบสท์ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า "ตลอดสัปดาห์นี้ ตลาดทองคำพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย และดูเหมือนว่าสัปดาห์นี้ ข่าวคราวจากยุโรปจะเปลี่ยนแปลงไปทุกนาที อีกทั้งยังมีข่าวลือที่ทำให้นักงทุนทั่วโลกมีความรู้สึกไม่มั่นใจด้วย ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไร้ทิศทางเช่นนี้ ทองคำถือเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าน่าลงทุนมากกว่าสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆ"