ปลดล็อกที่ราชพัสดุ! ธนารักษ์ ผุดโครงการ Landlord Sharing เปิดทางใช้ประโยชน์เชิงสังคม

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 22, 2025 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ปลดล็อกที่ราชพัสดุ! ธนารักษ์ ผุดโครงการ Landlord Sharing เปิดทางใช้ประโยชน์เชิงสังคม

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์ ได้เปิดตัวโครงการ Landlord Sharing เพื่อยกระดับการบริหารที่ราชพัสดุรองรับโครงการด้านสังคม และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ โดยกรมธนารักษ์ ได้จัดทำหลักเกณฑ์เพื่อมอบอำนาจให้หน่วยงานที่ครอบครองที่ราชพัสดุ สามารถดำเนินการใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ภายใต้กรอบการกำกับที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และลดขั้นตอนทางราชการ โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนโครงการด้านสังคม และเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์

ปลดล็อกที่ราชพัสดุ! ธนารักษ์ ผุดโครงการ Landlord Sharing เปิดทางใช้ประโยชน์เชิงสังคม

ปัจจุบัน ประเทศไทยมีที่ราชพัสดุรวมกว่า 12.6 ล้านไร่ โดยในจำนวนนี้ พบว่ากว่า 10 ล้านไร่ อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการ โดยบางพื้นที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการพัฒนา

"ดังนั้น เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดดังกล่าว กรมธนารักษ์ จึงได้ออกโครงการ Landlord Sharing ซึ่งเป็นการนำที่ราชพัสดุที่อยู่ในความครอบครองของส่วนราชการที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ มาพัฒนาภายใต้โครงการเชิงสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ สร้างรายได้ เพิ่มมูลค่าทรัพย์สิน ลดภาระงบประมาณแผ่นดิน" นายเอกนิติ ระบุ

นอกจากนี้ กรมธนารักษ์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) เรื่องการมอบอำนาจให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดหาประโยชน์ในพื้นที่ที่อยู่ในความครอบครอง เพื่อวางรากฐานในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะยาว โดยการมอบอำนาจนี้ ไม่ใช่การโอนกรรมสิทธิ์ และยืนยันว่าที่ดินราชพัสดุยังคงเป็นของรัฐ ระยะเวลาการใช้ประโยชน์ไม่เกิน 30 ปี และเพื่อความโปร่งใส หน่วยงานที่รับมอบอำนาจต้องรายงานผลการดำเนินงานต่อกรมธนารักษ์ทุกไตรมาส หากฝ่าฝืนข้อตกลง กรมฯ มีสิทธิเพิกถอนอำนาจได้ทันที

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า กรมธนารักษ์ยังได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ VALUE จากสินทรัพย์ที่ถูกมองข้าม สู่พลังขับเคลื่อนประเทศ โดยหัวใจสำคัญ คือ การมุ่งสร้างคุณค่า (Value Creation) และแบ่งปันคุณค่า (Value Sharing) ผ่านการใช้ทรัพย์สินของรัฐให้เกิดประโยชน์รอบด้าน ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ, การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน, การเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และการสนับสนุนบริการสาธารณะที่จำเป็น

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สำหรับโครงการนำร่องนี้ ได้เลือกมาทั้งสิ้น 6 โครงการนำร่อง (Sandbox) ในการก่อสร้างอาคารสำหรับศูนย์บริการทางการแพทย์, หอผู้ป่วยพิเศษ และอาคารจอดรถ เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านสาธารณสุข ให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึง ได้แก่

1. โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

2. โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ จ.เชียงราย ประกอบด้วย ศูนย์ Wellness (ศูนย์สุขภาพและฟื้นฟู) สถานพักฟื้นและรอรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

3. โรงพยาบาลสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ประกอบด้วย ศูนย์บริการมะเร็ง หัวใจ และเวชศาสตร์วิถีชีวิต พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

4. โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา จ.นครราชสีมา ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

5. โรงพยาบาลพัทยาปัทมคุณ (โรงพยาบาลบางละมุง) จ.ชลบุรี ประกอบด้วย หอผู้ป่วยพิเศษ ที่พักระหว่างการรักษา พื้นที่บริการทางการแพทย์ และอาคารจอดรถ

6. โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา ประกอบด้วย อาคารบริการและสนับสนุนทางการแพทย์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ