
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย เดือนก.ค.68 ว่า การส่งออก มีมูลค่า 28,580 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 11% จากตลาดคาดโต 9.6-10% ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 28,258 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ไทยเดือนก.ค. ไทยเกินดุลการค้า 322 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกของไทย ขยายตัวต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 13 และขยายตัวในระดับ 2 หลัก (digit) ต่อเนื่องกันเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่ ม.ค.68 และยังเกินดุลการค้าต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

ขณะที่ ภาวะการค้าระหว่างประเทศในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.68) การส่งออก มีมูลค่า 195,432 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14.4% ส่วนการนำเข้า มีมูล่า 195,172 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 10.6% ส่งผลให้ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ไทยเกินดุลการค้า 260 ล้านดอลลาร์
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า การส่งออกเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเข้าใกล้วันสิ้นสุดมาตรการยกเว้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐฯ ในเดือนส.ค. ที่ผู้นำเข้าทั่วโลกยังคงเร่งนำเข้าเพื่อปิดความเสี่ยง ประกอบกับการที่รัฐบาลไทยสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนว่าจะสามารถบรรลุผลการเจรจาอัตราภาษีกับสหรัฐฯ ได้อย่างลุล่วง และพร้อมมีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบด้านภาษีของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อธุรกิจส่งออกของไทย
อย่างไรก็ดี คาดว่าการส่งออกในช่วงตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นไป จะเริ่มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ เป็นสำคัญ และเตรียมจะทบทวนเป้าหมายการส่งออกของไทยในปีนี้ใหม่ หลังจากหารือกับผู้ประกอบการภาคเอกชนแล้ว
"ตั้งแต่เดือนส.ค.เป็นต้นไป เชื่อว่าการส่งออกของไทยน่าจะชะลอตัวลง แต่ยังขยายตัวเป็นบวกอยู่ ส่วนการจะปรับเป้าส่งออกทั้งปีนี้ใหม่นั้น คงต้องขอรอดูตัวเลขการส่งออกในเดือนส.ค.นี้ก่อน โดยจะหารือร่วมกับ กกร. และ สภาผู้ส่งออกด้วย ณ ตอนนี้ เรายังคงเป้าไว้ที่ 2-3% แต่ก็มีโอกาสที่ทั้งปีจะโตได้มากกว่านี้ แต่คงโตไม่ถึง 2 หลัก" นายพูนพงษ์ ระบุการส่งออกรายกลุ่มสินค้าในเดือนก.ค.68
- สินค้าเกษตร มีมูลค่า 2,728 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 21.5% โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง, ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป
- สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร มีมูลค่า 2,130 ล้านดอลลาร์ หดตัว -0.2% ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่ยังมีสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ น้ำตาลทราย, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ, ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง
- สินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 23,106 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 14% โตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 โดยสินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, แผงวงจรไฟฟ้า, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, หม้อแปลงไฟฟ้า และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง
โดยตลาดส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรก ที่ขยายตัวได้ดีในเดือนก.ค. มีดังนี้ อันดับ 1 ไต้หวัน ขยายตัว 38.9% อันดับ 2 ลาตินอเมริกา ขยายตัว 33.7% อันดับ 3 สหรัฐฯ ขยายตัว 31.4% อันดับ 4 แคนาดา ขยายตัว 26.6% อันดับ 5 รัสเซียและ CIS ขยายตัว 26.6% อันดับ 6 จีน ขยายตัว 23.1% อันดับ 7 สหราชอาณาจักร ขยายตัว 17.4% อันดับ 8 แอฟริกา ขยายตัว 12.7% อันดับ 9 ญี่ปุ่น ขยายตัว 7.1% และอันดับ 10 เอเชียใต้ ขยายตัว 7.1%
ผู้อำนวยการ สนค. มองว่า ต้องเฝ้าระวังปัจจัยกดดันการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปี อาทิ การส่งออกชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หยุดชะงักไปจากสถานการณ์ความขัดแย้ง, ปริมาณสินค้าคงคลังของประเทศผู้นำเข้า ที่สะสมไว้ในช่วงก่อนการประกาศผลของการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ที่อาจทำให้คำสั่งซื้อในอนาคตชะลอตัวลง
"การส่งออกในช่วงที่เหลืออาจจะชะลอตัว เพราะ 7 เดือนแรก ประเทศผู้นำเข้าต่างเร่งนำเข้าสินค้า เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ดังนั้น ก็จะมีผลต่อการส่งออกในช่วง 5 เดือนที่เหลือของปีนี้" นายพูนพงษ์ กล่าวทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อหามาตรการรับมือที่เหมาะสมต่อไป ในขณะที่การดำเนินการเชิงรุกเปิดตลาดการค้าและผลักดันการส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ส่วนสถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่มีผลกระทบจากปัญหาด้านความมั่นคงนั้น ส่งผลให้ในเดือนก.ค.นี้ การส่งออกสินค้าไทยไปกัมพูชา ลดลง 27% และการนำเข้าสินค้าจากกัมพูชามาไทย ลดลง 52%
สำหรับกรณีที่เมียนมาปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 นั้น อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) หรือทูตพาณิชย์ของไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ระบุว่า เมียนมา มีนโยบายเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามสินค้าที่ลักลอบนำเข้า จึงทำให้เพิ่มความเข้มข้นในทุกจุดตรวจและทุกเส้นทาง ส่งผลให้ผู้นำเข้าจำเป็นต้องขอ Import License ก่อน ดังนั้น ผู้ส่งออกของไทยจะต้องหารือกับผู้นำเข้าในเมียนมา เพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่ยังมีการปิดสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.นั้น ผู้ประกอบการอาจจำเป็นต้องหันไปใช้การขนส่งสินค้าในช่องทางอื่นไปพลางก่อน ซึ่งทางทูตพาณิชย์ จะประสานงานกับเมียนมาอย่างใกล้ชิด ว่าจะสามารถกลับมาเปิดด่านได้เป็นปกติในช่วงใด