
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ปรับรูปแบบการลงทุนโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร (กม.) จากเดิมให้เอกชนร่วมลงทุน ตามมติครม. เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 65 เปลี่ยนเป็นให้ กทพ. ดำเนินโครงการจ้างออกแบบไปพร้อมก่อสร้าง (Design & Built) ในกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้าง รวมค่าควบคุมงาน รวม 10,964.77 ล้านบาท
โดยให้ กทพ. กู้เงิน หรือออกพันธบัตรมาใช้ในการดำเนินโครงการ โดยให้ กทพ.ตกลงกับกระทรวงการคลัง ในการหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม
พร้อมกันนี้ ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติให้ กทพ. ขอรับเงินค่าอุดหนุนค่าใช้จ่ายเขตทางหลวง ตามกฎกระทรวงจากรัฐบาลที่ 7.75 ล้านบาท/ปี ตลอดอายุโครงการ
โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ตระยะที่ 1 ประกอบด้วย
- แนวสายทางโครงการ: ก่อสร้างเป็นทางยกระดับขนาด 4 ช่องจราจรต่อทิศทาง (สำหรับรถยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง และรถจักรยานยนต์ 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง) ระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร และมีอุโมงค์อยู่ในช่วงกลางของแนวสายทาง (อุโมงค์มีระยะทาง 1.85 กิโลเมตร) โดยจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมกับถนนพระเมตตา ในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ และมีจุดสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ ต.กะทู้ อ.กะทู้
- การจัดเก็บค่าผ่านทาง : เป็นแบบระบบบเปิด (Open System) ซึ่งจะจัดเก็บค่าผ่านทางอัตราเดียว (Flat Rate) และจะปรับเพิ่มขึ้นทุก ๆ 5 ปี
- การประมาณการรายได้โครงการ: จะมีรายได้ตลอด ระยะเวลา 30 ปี รวมทั้งสิ้น 39,234 ล้านบาท
- ความคุ้มค่าทางการเงิน/ทางเศรษฐศาสตร์: โครงการระยะที่ 1 มีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) 3.75% และมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์ (EIRR) 18.74%
ทั้งนี้ กทพ. ดำเนินการศึกษาแนวทางการดำเนินโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ซึ่งได้ข้อสรุปว่า การดำเนินโครงการโดยให้ กทพ. ลงทุนและก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1 ไปก่อนมีความเหมาะสมมากที่สุด เนื่องจากโครงการฯ ระยะที่ 1 มีความพร้อมในการก่อสร้าง (รายงาน EIA และการขอใช้พื้นที่ป่าไม้ได้รับความเห็นชอบแล้ว และได้เริ่มจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว) และสามารถเปิดบริการโครงการฯ ระยะที่ 1 ได้เร็วกว่ากรณีรวมการก่อสร้างทั้ง 2 ระยะพร้อมกัน ประมาณ 1 ปี
อีกทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ได้เร่งรัดให้ กทพ.เร่งก่อสร้างโครงการฯ ระยะที่ 1 เพื่อเปิดให้บริการโดยเร็ว เพื่อแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้น บริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่าง ต.กระทู้ และ ต.ป่าตอง ให้มีประสิทธิภาพ
ส่วนข้อเสนอที่ขอให้ กทพ. กู้เงิน และ/หรือออกพันธบัตร มาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ระยะที่ 1 ในกรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างรวมค่าควบคุมงาน จำนวน 10,964.77 ล้านบาทนั้น มีสาเหตุมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ กทพ. ปรับลดอัตราค่าผ่านทาง จึงทำให้ กทพ. มีรายได้ลดลง และไม่สามารถนำเงินรายได้ของหน่วยงาน มาใช้เป็นค่าลงทุนโครงการฯ ระยะที่ 1 ได้ ซึ่งในช่วงปีงบประมาณ 2567-2586 (ระยะเวลา 20 ปี) กทพ. มีประมาณการกระแสเงินสดขาดเป็นจำนวน 21,298 ล้านบาท ดังนั้น กทพ. จึงจำเป็นต้องขอกรอบวงเงินกู้ หรือออกพันธบัตรของค่าก่อสร้างทั้งหมด