นายมาณพ เสงี่ยมบุตร Chief Financial Officer บมจ.เอสซีบี เอกซ์ [SCB] กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) ถือเป็นอีกหนึ่งบริการทางการเงิน ที่จะสามารถรองรับกลุ่มลูกค้าที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบ ให้เข้ามาใช้บริการทางการเงินในระบบได้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของกลุ่มเอสซีบี เอ็กซ์ ที่ต้องการจะมุ่งไปในการขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับคนในประเทศได้อย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกัน เป็นการต่อยอดจากบริการทางการเงิน ผ่านระบบดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าธนาคารไทยพาณิชย์ จะมีโมบาย แอปพลิเคชั่น SCB Easy ที่มีฐานผู้ใช้งานกว่า 80 ล้านรายอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่าบริการทางการเงินที่ให้บริการใน SCB Easy บางอย่างยังไม่สามารถที่จะรองรับลูกค้าบางกลุ่มได้ ทำให้กลุ่มเอสซีบี เอกซ์ เห็นถึงช่องทางใหม่ที่จะขยายเข้าไปในกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบได้ ให้สามารถเข้ามาใช้บริการทางการเงินในระบบ
นายมาณพ กล่าวว่า หากมองภาพในอีก 5 ปีข้างหน้า ในส่วนของ Virtual Bank นั้น อาจยังไม่สามารถคาดการณ์ภาพในอนาคตได้แน่นอน เพราะเพิ่งอยู่ในช่วงการเริ่มเตรียมความพร้อมของการให้บริการ Virtual Bank แต่ด้วยศักยภาพของกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ และพันธมิตรชั้นนำ ได้แก่ KakaoBank จากเกาหลีใต้ และ WeBank ธนาคารดิจิทัลชั้นนำในจีน จะสามารถส่งผ่านบริการทางการเงินที่ทั่วถึงให้กับคนไทยให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบได้
ส่วนการแข่งขันของ Virtual Bank ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศนั้น ยอมรับว่าจะมีการแข่งขันในธุรกิจนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ผู้เล่นแต่ละรายจะต้องพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ออกมาให้เหมาะสมกับผู้ใช้บริการ และตอบโจทย์ความต้องการ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีในการบริการ และวิเคราะห์ข้อมูลอย่างตรงจุดมากที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน ที่จะได้รับบริการทางการเงินในรูปแบบใหม่ที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ พร้อมที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ ๆ สร้างการรับรู้ และความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Vitual Bank ของกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ
พร้อมกันนี้ ยังมองว่าการเข้ามาของ Virtual Bank ไม่ได้เป็นการที่สร้างหนี้ครัวเรือนให้สูงขึ้น แต่เป็นการที่ช่วยเหลือผู้กู้ยืมที่มีหนี้นอกระบบให้สามารถเข้ามาอยู่ในระบบได้ ช่วยให้คนที่เคยพึ่งพาการกู้ยืมหนี้นอกระบบ สามารถเข้าถึงบริการการเงินในระบบที่ต้นทุนถูกกว่า และได้รับดอกเบี้ยอย่างเป็นธรรม
ด้าน นายอิทธินันท์ วัฒน์สุขสันติ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผลิตภัณฑ์สินเชื่อ บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด กล่าวว่า ทรูมันนี่ (True Money) มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริการทางการเงินให้มีความหลากหลาย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในหลายระดับ ซึ่งที่ผ่านมา ทรูมันนี่ได้มอบบริการทางการเงินด้วยเทคโนโลยี ทำให้มีบริการการเงินมากมายผ่านแอปพลิเคชั่นทรูมันนี่ และมีผู้ใช้งานกว่า 30 ล้านราย
อย่างไรก็ดี บริการทางการเงินบางอย่างที่เปิดให้บริการผ่านทรูมันนี่ ยังคงมีข้อจำกัด ทำให้ไม่สามารถให้บริการลูกค้าบางกลุ่มได้ แม้ว่าจะมีบริการนาโนไฟแนนซ์เข้ามาแล้วก็ตาม ทำให้ทรูมันนี่เห็นโอกาสของ Virtual Bank ที่จะเข้ามาเสริม และขยายวงกว้างในการให้บริการกับลูกค้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบได้ ซึ่งเป็นการปลดล็อกให้คนที่ใช้บริการการเงินนอกระบบ ได้กลับเข้ามาอยู่ในระบบได้มากขึ้น
โดยที่สัดส่วนของคนที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินในระบบได้นั้น ทั้งกลุ่มคนที่ถูกการปฏิเสธจากธนาคาร การที่ไม่มีฐานข้อมูลในการอ้างอิงแหล่งที่มาของรายได้ที่แน่นอน การที่ Virtual Bank จะสามารถเข้ามาช่วยคนในกลุ่มนี้ให้บริการทางการเงินในระบบได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และไม่ได้เป็นการสร้างหนี้ครัวเรือนให้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ร่วมกับพันธมิตร มีความตั้งใจที่จะพัฒนาระบบ และนำเทคโนโลยีในการพัฒนาบริการทางการเงิน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่จะเกิดขึ้นกับ Virtual Bank ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ยัง Underserved บริการทางการเงินในระบบอยู่ ให้เข้ามาอยู่ในระบบ พร้อมกับการเรียนรู้เทคโนโลยีทางการเงินใหม่ ๆ เพื่อนำมาพัฒนาธุรกิจ Virtual Bank ของบริษัทที่จะเกิดขึ้น