นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล [MINT] กล่าวในงาน Thailand Focus 2025 ในหัวข้อ "Beyond Recovery: Transforming Thailands Tourism for a Sustainable and High-Value Future"ว่า ภายใต้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ในฐานะผู้ประกอบการโรงแรมชั้นนำของไทยและโลกแสดงความห่วงใยผลกระทบของความขัดแย้งที่ทำให้เกิดการปะทะกันทางทหารตามแนวชายแดนที่ผ่านมา เพราะส่งผลกระทบต่อทั้งการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน และด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จึงเห็นควรให้กลับมาสู่สันติภาพโดยเร็ว ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาความไม่มีเสียรภาพการเมืองภายใน
ขณะเดียวกันก็มีปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ (Geopolitics) ทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครน อิสราเอล-ฮามาส ความขัดแย้งชายแดนระหว่างอินเดียกับปากีสถานที่ผ่านมา และก็เกิดปัญหาขัดแย้งชายแดนกัมพูชามาซ้ำเติมอีก เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ กระทบภาคท่องเที่ยวของไทยและของโลกนักท่องเที่ยวที่เดินทางออกจากกัมพูชาเพื่อมาต่อเที่ยวบินที่ไทยไปยังประเทศต่าง ๆ ลดลง โดยหันไปเวียดนามแทน
การลงทุนภาคเอกชนไทยที่มีมูลค่าสูงมากกำลังได้รับผลกระทบจากกระแสการต่อต้านสินค้าไทยอย่างบมจ. ปตท. (PTT )ก็ได้รับผลกระทบ ซึ่งผลกระทบเต็มที่ต่อธุรกิจไทยจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สามปีนี้ หากความขัดแย้งยังไม่คลี่คลาย
นอกจากนี้ปัญหาหนึ่งของการท่องเที่ยวไทย คือ เที่ยวบินตรงไทย-ยุโรป มีไม่เพียงพอ นักท่องเที่ยวยุโรปต้องบินอ้อมไปต่อเครื่องที่ดูไบทำให้เสียเวลาในการเดินทาง และเมื่อไปถึงดูไบนักท่องเที่ยวก็อาจจะไปใช้เงินมากที่ตะวันออกกลางแทน ภาคธุรกิจโรงแรมจึงเฝ้ารอให้การบินไทยมีเครื่องบินเพิ่ม
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมาทางกลุ่มไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้พบกับกระแสใหม่ ๆ ในการท่องเที่ยวของไทย ทั้งในด้าน sustainability และ wellness tourism ทางบริษัทได้เปิดเวลเนส คลินิก เพิ่มขึ้นหลายแห่ง ซึ่งแยกออกมาจากธุรกิจสปา และประสบความสำเร็จอย่างมาก จากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาจากเที่ยวบินระยะยาว รวมทั้งจากนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง และยังได้พบอีกว่านอกจากการมาท่องเที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ปัจจัยด้านวัฒนธรรมก็ยังดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม นายวิลเลียมก็เสนอแนะว่าการอนุรักษ์ธรรมชาติที่สวยงาม ให้มีคุณภาพรองรับการท่องเที่ยวยังคงเป็นแรงดึงดูดใหญ่ให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยว
ด้านนายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. การบินไทย [THAI] ระบุว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา การบินไทยได้ทำแผนงานระยะยาวเพื่อลดแบบของเครื่องบินที่บริษัทใช้ โดยก่อนหน้านี้ การบินไทยมีเครื่องบินถึง 8 แบบ แต่ตอนนี้จะลดลงไปเหลือเพียง 4 แบบ เพื่อลดต้นทุนการซ่อมบำรุง นอกจากนี้เรื่องสัดส่วนของการบินแบบ point to point กับการ connect ก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เพราะในอนาคต การเดินทางในเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตสูงที่สุดในโลก ดังนั้นเราก็ออกแบบเที่ยวบินให้เป็นไปตามข้อมูลนี้ โดยเฉพาะในครึ่งแรกของปีนี้ สัดส่วนของ direct flight กับ connect flight มาเป็น 80%:20%จากที่ก่อนหน้านี้ direct flight สูงมากกว่า 90%
การวิเคราะห์ข้อมูลและนำมาจัดการทางธุรกิจเพื่อให้สามารถและได้รับผลตอบแทนมากขึ้น มีส่วนทำให้เราสามารถทำกำไรได้มากขึ้นด้วย
นายชาย กล่าวว่าปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ เช่น การปิดน่านฟ้าของอิหร่านที่ผ่านมา หรือการปิดน่านฟ้ากัมพูชาทำให้ต้องปรับเส้นทางการบิน ต้องบินนานขึ้น ค่าใช้จ่ายน้ำมันมากขึ้น
ในขณะเดียวกันสงครามการค้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นภาษีศุลกากรสูงทั่วโลก ทำให้คนยุโรปและแคนาดาเดินทางไปสหรัฐน้อยลง แต่เดินทางมาแถบเอเชียแปซิฟิกมากขึ้น ทำให้ การบินไทยได้ประโยชน์จึงถือเป็นโอกาสในวิกฤต
สำหรับการดึงนักท่องเที่ยวจีนกลับมา รัฐบาลไทยจะต้องเร่งสร้างความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย เพราะคนจีนยังออกท่องเที่ยวต่างประเทศมากแต่เดินทางไปประเทศอื่น มาไทยน้อยลง
สำหรับความท้าทายของการบินไทยในระยะยาว 10 ปีข้างหน้า คือผลกระทบจากห่วงโซ่การผลิตชะงักงันที่ผ่านมา และเครื่องบินที่มีชิ้นส่วนประกอบนับแสนชิ้น ที่ต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน โรคระบาดโควิดที่ผ่านมา ทำให้ผู้ผลิตลดการผลิต ปลดคนงานออก เมื่อโลกฟื้นจากโควิด ต้องมีการจ้างงานใหม่ แต่คนงานที่ออกไปไม่ยอมกลับมาทำงานเดิม ต้องใช้เวลาในการเทรนคนใหม่ ทำให้บริษัทการบินต่าง ๆ รวมทั้งการบินไทยยังประสบปัญหาจากการขาดแคลนพนักงงาน ปัจจุบันการบินไทยต้องหันมาให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนฝึกนักบินเพื่อที่จะได้คนมาให้ทำงานให้การบินไทยในอนาคต ท่ามกลางการแย่งชิงตัวพนักงานระหว่างสายการบินต่าง ๆ
Mr. Damien Pfirsch, Chief Commercial Officer จาก Agoda Company ระบุว่าประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในที่สองของประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของโลก ตามข้อมูลของ Agoda ซึ่งมีอัตราการเติบโต 17% ต่อปี และส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนั้นมาจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และที่อื่น ๆ ในเอเชีย
นอกจากนี้คนที่เดินทางมาประเทศไทยมียอดค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ และเมื่อพูดถึงกรุงเทพฯ นั้น ในข้อมูลของ Agoda เป็นเมืองที่มีผู้มาเที่ยวซ้ำมากที่สุด มาถึง 7 ปี ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม ก็มีด้านที่ลดลงของการท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะจากตลาดจีน ที่เราต้องช่วยกันโปรโมทตลาดจีนให้มากยิ่งขึ้น