บอร์ด กพอ. เคาะเพิ่ม 5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ หนุนสร้างเงินลงทุนกว่า 2 แสนลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 28, 2025 18:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บอร์ด กพอ. เคาะเพิ่ม 5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ หนุนสร้างเงินลงทุนกว่า 2 แสนลบ.

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน มีมติเห็นชอบกำหนดเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม จำนวน 5 แห่ง คาดมูลค่าการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ได้แก่

1.1 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร (บางปะกง) กลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟไทยยั่งยืน โดย บริษัท เขาช่อง กรุ๊ป จำกัด เสนอคำขอจัดตั้งฯ เนื้อที่ประมาณ 215 ไร่ บริเวณตำบลท่าสะอ้าน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวสุขภาพ การเกษตรและการแปรรูปอาหาร คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 6,960 ล้านบาท ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในชุมชน เป็นศูนย์การเรียนรู้กาแฟไทย และการผลิตกาแฟส่งเสริมการประกอบอาชีพของชุมชน เกษตรกร ผลักดันให้เกิดการจ้างงานประมาณ 200 คน

โดยคาดว่าเมื่อดำเนินโครงการฯ เต็มรูปแบบ จะมีความต้องการเมล็ดกาแฟสูงถึง 8 ล้านกิโลกรัมต่อปี สามารถสร้างงานและรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟทั่วประเทศ และร่วมพัฒนาชุมชนในพื้นที่โดยรอบอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ให้ สกพอ.กำหนดเงื่อนไขในหนังสือรับรองประกอบการเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการภายใน 1 ปี และสามารถใช้พื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษข้างต้นเท่านั้น

1.2 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เนื้อที่รวมประมาณ 12,490 ไร่ บริเวณเทศบาลเมืองมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น คาดว่าจะเกิดการลงทุนประมาณ 77,480 ล้านบาท และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ ที่เชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด และนิคมอุตสาหกรรมใกล้เคียง สนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาทั้งจากภาครัฐและเอกชน

1.3 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ นิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง จังหวัดระยอง โดย บริษัท ไทรเบคก้า จำกัด เนื้อที่ประมาณ 4,318 ไร่ บริเวณตำบลสำนักทอง อำเภอเมือง จังหวัดระยอง เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ ยานยนต์สมัยใหม่ ดิจิทัล การแปรรูปอาหาร เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร เป็นต้น คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 100,000 ล้านบาท สามารถดึงดูดนักลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มความสามารถการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมการกระจายรายได้สู่พื้นที่โดยรอบ คาดว่าจะเกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 16,000 คน

1.4 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางและสุขภาพครบวงจร ไลฟ์สเฟียร์ (พัทยา) โดย บริษัท วีซี ทรีต จำกัด เนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ บริเวณตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การแพทย์และสุขภาพครบวงจร สถานบริการการแพทย์ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เช่น การศัลยกรรมใบหน้าและโครงหน้า ทันตกรรมเชิงลึก ดูแลผู้สูงอายุระดับพรีเมี่ยม คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 1,478 ล้านบาท ดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศเข้ามาพัฒนาความร่วมมือด้านการแพทย์ สร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศ ทั้งนี้ ให้ สกพอ. กำหนดเงื่อนไขในหนังสือรับรองประกอบการเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้เริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการภายใน 1 ปี และสามารถใช้พื้นที่เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษข้างต้นเท่านั้น

1.5 เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ สถานีแอลเอ็นจีมาบตาพุด แห่งที่ 2 โดยบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด เนื้อที่ประมาณ 343 ไร่ บริเวณตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง รองรับอุตสาหกรรมกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ คาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 21,012 ล้านบาท เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยแอลเอ็นจี ถือเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงหลักเพื่อผลิตไฟฟ้า และยังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานความเย็นเหลือทิ้งจากการแปรสภาพแอลเอ็นจี จัดแสดงพืชเมืองหนาว เช่น ทิวลิป ลิลลี่ สตรอเบอรี่ เพื่อดึงดูดสร้างการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อไป

*เห็นชอบเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ 2 แห่ง ได้แก่

- เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด แห่งที่ 4 ตามที่ได้รับประกาศฯ เดิม ขอเปลี่ยนแปลงเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 และขอขยายเนื้อที่จากประมาณ 1,900 ไร่ เป็นประมาณ 2,782 ไร่ โดยจะสามารถรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ หุ่นยนต์ เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ดิจิทัล และการแพทย์และสุขภาพครบวงจร คาดว่าจะเกิดมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 45,000 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 3,000 คน และขยายโอกาสทางธุรกิจต่อเนื่องไปถึงระดับชุมชน เช่น ร้านค้า โรงแรม หอพัก เป็นต้น

- เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมเหมราชระยอง 36 จังหวัดระยอง ตามที่ได้รับประกาศฯ เดิม ขอเปลี่ยนแปลงเป็น เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 และขอขยายเนื้อที่จากประมาณ 1,281 ไร่ เป็นประมาณ 1,759 ไร่ โดยจะสามารถรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การแปรรูปอาหาร พัฒนาบุคลากรและการศึกษา คาดว่าจะเกิดมูลค่าลงทุนเพิ่มขึ้นประมาณ 27,000 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น 4,500 คน ส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยกระดับความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของชุมชนในพื้นที่

*เปลี่ยนแนวทางพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3

- เห็นชอบการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) จากการดำเนินโครงการตามหลักการร่วมลงทุนตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) เป็น การดำเนินการตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และเพื่อให้ กนอ. ได้นำพื้นที่ขนาด 350 ไร่ ไปดำเนินการหาผู้เช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจท่าเรือเฉพาะกิจ อุตสาหกรรมพลังงานสะอาด หรือคลังน้ำมันสำรองต่อไป

*คาดสรุปเพิ่ม "ปราจีนบุรี" เข้าพื้นที่ EEC ใน ก.ย.

นอกจากนี้ กพอ.ได้รับทราบเรื่องการศึกษาความเหมาะสมในการขยายพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก สืบเนื่องจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้เข้าหารือข้อเสนอทางเศรษฐกิจต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีข้อเสนอแนะเร่งด่วน คือ การเพิ่มจังหวัดปราจีนบุรีเป็นอีก 1 จังหวัด ที่จะรวมอยู่ในพื้นที่อีอีซี ซึ่งปัจจุบัน สกพอ.อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาถึงความเหมาะสม และศักยภาพของพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี ในการขยายเป็นพื้นที่อีอีซี ให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งศักยภาพ โอกาส และแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน รวมถึงศึกษาประมาณการความต้องการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ และผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายในการกำหนดบทบาทของจังหวัดปราจีนบุรี ที่จะเชื่อมโยงกับพื้นที่อีอีซี และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.68

โดยขั้นตอนการดำเนินงานต่อไป สกพอ.จะนำผลการศึกษาฯ เสนอต่อ กพอ.เพื่อพิจารณา ก่อนเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อทราบ ทั้งนี้ หากเห็นชอบให้มีการขยายพื้นที่ฯ ดังกล่าว สกพอ.จะจัดทำร่าง พ.ร.ฎ.ขยายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (เพิ่มเติม) เพื่อเสนอ กพอ. และ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ