
สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือน ส.ค.68 อยู่ที่ 100.14 ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน -0.79% (YoY) ขณะที่ตลาดคาด -0.7 ถึง -0.8% โดยอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
ปัจจัยสำคัญจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด โดยเฉพาะผักสด ผลไม้สด และไข่ไก่ เนื่องจากอุปทานในตลาดเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลงจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามสถานการณ์ราคาในตลาดโลก และค่ากระแสไฟฟ้าจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองของภาครัฐ

"เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เนื่องจากสถานการณ์คล้ายกับเดือนก่อน แต่ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เงินเฟ้อลดลงต่อเนื่องมากถึง 13 เดือน" น.ส.ณัฐิยา สุจินดา รองผู้อำนวยการ สนค.กล่าว
ทั้งนี้ส่งผลให้ CPI เฉลี่ย 8 เดือนปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.68) ขยายตัว 0.08%
ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือน ส.ค.68 อยู่ที่ 101.51 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.81 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 8 เดือนแรกปีนี้สูงขึ้น 0.94%
สำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อในเดือน ก.ย.68 อาจปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่
(1) ภาครัฐยังคงดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.68 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย
(2) ราคาผักสดและผลไม้สดอยู่ระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบมากขึ้น
(3) การจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และสภาวะการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูง
"เดือนหน้าจะปรับคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ใหม่ โดยในไตรมาสที่ 3 จะอยู่ที่ -0.66% ส่วนไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ -0.24% ทั้งปีคาดว่าจะอยู่ใกล้ระดับ 0% จากเดิมที่คาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ไว้ที่ 0-1% ค่ากลางอยู่ที่ 0.5%" น.ส.ณัฐิยา กล่าวโดยปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่ ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารที่มีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น เนื้อสุกร มะขามเปียก กะทิสำเร็จรูป กาแฟ เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงที่ยังคงต้องติดตามคือ ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกอาจมีความผันผวนจากสถานการณ์ที่ยูเครนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุปทานของตลาดโลก
"สถานการณ์ในขณะนี้มีความผันผวนสูงจนทำให้คาดการณ์ล่วงหน้าได้ยากมาก" น.ส.ณัฐิยา