นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวขอบคุณข้าราชการกระทรวงการคลังในการอำลาตำแหน่ง รมว.คลัง โดยกล่าวในตอนหนึ่งว่า ช่วงระยะเวลาทำงาน 16 เดือน 3 วันในตำแหน่ง รมว.คลัง ได้รับความช่วยเหลือจากข้าราชการกระทรวงการคลังอย่างเต็มที่ ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องระบบราชการ ขั้นตอน ตลอดจนวิธีการทำงาน ที่นอกเหนือจากสิ่งที่เคยได้ทำงานในภาคเอกชนและภาคธุรกิจ พร้อมยืนยันว่าที่ผ่านมา ทำงานด้วยความสุขมาโดยตลอด
นายพิชัย กล่าวว่า อยากให้เห็นว่ากระทรวงการคลังเป็นหนึ่งในหน่วยงานของภาครัฐ ที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ประคับประคอง ชี้แนะ และช่วยผลักดัน ประสานกับหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้การทำงานบรรลุได้ตามวัตถุประสงค์ของภาครัฐ ซึ่งสะท้อนว่ากระทรวงการคลัง เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายของภาครัฐ ในขณะที่อีกมุม คือ ผลกระทบที่อาจจะเกิดกับภาคเอกชนในมิติต่าง ๆ ก็จะรวมมาอยู่ที่กระทรวงการคลัง เพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ปัญหาด้วย
"สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ กระทรวงการคลังได้พยายามทำให้เกิดความเข้มแข็งในเรื่องของการคลัง ขณะเดียวกัน ก็พยายามหารือเพื่อให้เกิดความสอดคล้องในแง่ของนโยบายการเงินด้วย เพราะอาจจะกระทบกับภาคเอกชน เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ ผ่านการทำงานด้วยความใกล้ชิด และจากนี้ไปหวังว่าจะได้เห็นนโยบายการเงินและการคลังทำงานสอดประสานกันไปได้ด้วยดี แต่มองไปในระยะข้างหน้า อาจจะยังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบ ก็ต้องเร่งแก้ไขกันต่อไป" นายพิชัย กล่าวพร้อมกันนี้ ได้แสดงความขอบคุณ 2 รมช.คลัง ทั้งนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ที่ช่วยเรื่องการตอบคำถามในสภาฯ ได้เป็นอย่างดี ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ถือเป็นนักวิชาการที่ล้ำลึก มองภาพเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายพิชัย ยังกล่าวถึงการฝากสานต่องานเรื่องภาษีสหรัฐฯ ว่า หลังจากนี้ จะต้องมีคนมาสานต่อเพื่อให้ได้ความชัดเจนที่สุด ดังนั้นยังเชื่อมั่นต่อไปว่ากระทรวงการคลังจะยังคงเป็นหน่วยงานหลักที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อทำให้เกิดความมั่นคง และต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคประชาชน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ทั้งนี้ การทำงานในเรื่องภาษีสหรัฐฯ ตลอดช่วงที่ผ่านมา ได้รับการประสานความร่วมมือเป็นอย่างดีกับหน่วยงานต่าง ๆ จนนำมาซึ่งข้อตกลงที่หลายฝ่ายมองว่ามีความเหมาะสม แต่ไม่ว่าจะตกลงด้วยเงื่อนไขใด ตรงนี้ยังเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
นายพิชัย กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ คงจะได้เห็นภาพการทำงานของกระทรวงการคลังภายใต้ผู้บริหารคนใหม่ ที่จะยังคงทำงานใกล้ชิดกันเพื่อผลักดันเศรษฐกิจของประเทศต่อไป