ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.71/73 ทรงตัวจากช่วงเช้า เก็งเฟดลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 12, 2025 17:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 31.71/73 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.71 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยระหว่างวันแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.67 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการแข็งค่าต่อเนื่อง หลัง จากที่ตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐออกมาไม่ค่อยดี เป็นผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า จึงทำให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี วันนี้ไม่ได้มีปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทมากนัก

"ระหว่างวัน rate ไม่ค่อยขยับมากนัก เป็นเพราะไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่จะมีผลต่อค่าเงินมากนัก ระหว่างวันเงินบาททำ low ที่ระดับ 31.67 บาท/ดอลลาร์" นักบริหารเงิน ระบุ

ขณะที่สัปดาห์หน้า มีปัจจัยสำคัญ คือ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ซึ่ง รอบนี้ตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง

นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้า เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50-31.90 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.95/98 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 147.30 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1719/21 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1720 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,293.62 จุด เพิ่มขึ้น 5.59 จุด (+0.43%) มูลค่าซื้อขาย 38,576.94 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 783.05 ล้านบาท
  • รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ในฐานะนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ มีความกังวล
เป็นอย่างยิ่ง ต่อสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการกลุ่มอาหาร
อนาคตไทยในตลาดโลก รวมไปถึงกระทบต่อรายได้ของทั้งเกษตรกร ผู้ผลิต และผู้ประกอบการ ตลอดทั้งห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรม
อาหารอนาคตไทย
  • ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ได้นำเสนอ 7 มาตรการเร่งด่วนเพื่อให้รัฐบาล ธปท. และ
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าสกุลเงินอื่น ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสในการเร่งเครื่องส่งออกโค้ง
สุดท้ายของปี
  • รมว.คลังญี่ปุ่น และรมว.คลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน โดยเห็นพ้องที่จะยังคงหารือกันอย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับค่าเงิน
เพื่อให้แน่ใจว่าตลาดปริวรรตเงินตรา ยังคงมีเสถียรภาพ และเห็นว่าการเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อจำ
เป็นต้องรับมือกับความผันผวน รวมถึงเมื่อสกุลเงินอ่อนค่าหรือแข็งค่าอย่างผิดปกติ
  • นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน คาดว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนธ.ค.นี้ จาก
เดิมที่คาดว่าจะเป็นเดือนต.ค. พร้อมระบุว่า แม้ ECB อาจสิ้นสุดวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว แต่ความเสี่ยงต่อการเติบโตของ
เศรษฐกิจโลก ยังคงมีนัยสำคัญ และแนวโน้มเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ต่ำกว่าเป้าหมายของ ECB มากขึ้นกว่าเดิม
  • เศรษฐกิจของ UK ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยขยายตัว 0.7% ในไตรมาสแรก และ 0.3%
ในไตรมาสสอง โดยปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของภาครัฐ และการที่ผู้ส่งออกเร่งส่งสินค้าก่อนที่สหรัฐฯ จะเริ่มใช้มาตรการ
ทางภาษี แต่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า การเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลง เนื่องจากมาตรการภาษี จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก
และตลาดแรงงานในประเทศที่อ่อนแอลง
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติ

อัตราดอกเบี้ย, ดัชนีภาคการผลิต เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., ดัชนีตลาด

ที่อยู่อาศัยเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ