ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.72/73 แกว่งแคบ ตลาดรอผลประชุมเฟดคืนนี้คาดลดดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 17, 2025 17:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 31.72/73 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วง เช้าที่ระดับ 31.74/75 บาท/ดอลลาร์

โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบแคบ 31.68 - 31.78 บาท/ดอลลาร์ เป็นไปตามแรงซื้อขายทั่วไป ตลาดรอ ติดตามผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คืนนี้เป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะลดดอกเบี้ยที่ 0.25%

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 31.50 - 31.90 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 146.29/33 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 146.52/56 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1846/1847 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1856/1859 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,306.69 จุด ลดลง 1.50 จุด (-0.11%) มูลค่าซื้อขายราว 48,098.33 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 201.07 ล้านบาท
  • สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือนส.ค.68 อยู่ที่ระดับ
86.4 ปรับตัวลดลงจากระดับ 86.6 ในเดือนก.ค.68 ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางการเมือง จากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐ
ธรรมนูญที่ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดสถานะความเป็นนายกรัฐมนตรี, การเบิกจ่ายงบลงทุนในช่วง 11 เดือนแรกของปีงบ
ประมาณ 68 ที่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย, ความไม่ชัดเจนของอัตราภาษีสหรัฐฯ ในประเด็น Regional Value Content (RVC) และ
รายการสินค้าที่จะเปิดตลาดให้สหรัฐ, ผลกระทบจากการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาขาดแคลนแรงงานในระยะสั้น หลังจากแรงงาน
กัมพูชาเดินทางกลับประเทศ และเงินบาทแข็งค่า
  • หัวหน้านักวิเคราะห์ GCAP GOLD เปิดเผยว่า ราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวก เนื่องจากนักลง
ทุนทั่วโลกจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในคืนนี้ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า เฟดจะเริ่มวงจรการปรับลดดอกเบี้ย ประกอบ
กับข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่ชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานอ่อนแรงลง และการจ้างงานชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดเชื่อว่าเฟดอาจลด
ดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ หรืออาจมากถึง 3 ครั้ง หากแรงกดดันเศรษฐกิจยังรุนแรง
  • ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ เผยดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน ก.ย.68 อยู่ที่ระดับ 76.56 จุด ปรับเพิ่มขึ้น
1.53 จุด หรือคิดเป็น 2.04% จากระดับ 75.03 จุด ในเดือน ส.ค.68 ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยหนุนให้ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ นโยบาย
อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด), แรงซื้อเก็งกำไร, นโยบายทางเศรษฐกิจของประธานาธิบดีสหรัฐฯ, การอ่อนค่าของด
อลล่าร์สหรัฐฯ และความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย
  • กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงานในเบื้องต้นว่า ยอดส่งออกจากญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอเมริการ่วงลง 13.8% ในเดือนส.ค. เมื่อ
เทียบรายปี สู่ระดับ 1.39 ล้านล้านเยน (9.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน เนื่องจากมูลค่าการส่งออก
รถยนต์ลดลงหลังถูกสหรัฐฯ รีดภาษีนำเข้า
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และ
เวชภัณฑ์ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ 25% โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองอุตสาหกรรมนี้มีกำไรมากกว่า
  • อัตราเงินเฟ้อรายปีของสหราชอาณาจักรในเดือนส.ค. ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) รอ

ดูสถานการณ์ต่อไป ขณะที่เตรียมตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้ (18 ก.ย.)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ