เมื่อกระแส ESG มาแรง ใครไม่เขียวระวังโดนเพ่งเล็ง !! ยิ่งเป็นธุรกิจพลังงานยิ่งโดนจับตาก่อนใครเพื่อน นั่นก็เพราะธุรกิจนี้ดูจะทำลายสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ดังนั้นการจะเปลี่ยนธุรกิจให้สะอาดขึ้น เซฟโลกมากขึ้น ดูจะเป็นไปได้ยาก !
แต่ไม่ใช่กับ บมจ.บ้านปู [BANPU] ที่แม้จะมีความท้าทายจากการลงทุนธุรกิจพลังงานอยู่ในทั้งหมด 9 ประเทศทั่วโลก แต่จริง ๆ บริษัทได้ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนมา 20 ปีแล้ว ?
"All About ESG" EP. นี้ จะมาพูดคุยกับนายพิริยะ เข็มพล ประธานคณะกรรมการ ESG บมจ.บ้านปู [BANPU] ที่จะมาเล่าให้ฟังว่า แม้จะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเหมืองถ่านหิน ก็ปฏิวัติองค์กรภายใต้หลัก ESG ได้ !!
"สำคัญมากเพราะว่ามันคืออนาคตของ BANPU" นายพิริยะ กล่าวกับ "อินโฟเควสท์" พร้อมระบุว่า เนื่องจากเราอยู่ในธุรกิจพลังงาน และตอนนี้โลกกำลังปรับเปลี่ยน ธุรกิจอะไรที่ไม่ใช่สีเขียว ต้องเปลี่ยนให้สะอาด อย่างธุรกิจเหมืองเราก็ต้องถอย ดังนั้น BANPU จึงเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดภายใต้กลยุทธ์ "Greener & Smarter" เพื่อสร้างพลังงานที่ยั่งยืนให้กับโลก
ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้วที่ BANPU เริ่มคิดเรื่องความยั่งยืนด้วยการจัดตั้ง Sustainability Committee โดยมี CEO เป็นประธานดูแลโดยตรง และมีระดับบริหารมาประชุมแผนงาน นำหลัก Sustainable Development Goals: SDGs 17 ข้อของ UN มาปรับใช้ ซึ่งก็พบว่าธุรกิจของบริษัทตรงกับเป้าหมายทั้งหมด 7 ข้อ อาทิ เป้าหมายที่ 7 : สร้างหลักประกันว่าทุกคนเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ เชื่อถือได้ และยั่งยืน เป็นต้น
และในปี 64 ยังได้จัดตั้งคณะกรรมการ ESG เพื่อทำหน้าที่ช่วยกำกับและสนับสนุนงานด้าน ESG เปรียบเสมือน "เรดาร์" ให้องค์กร ว่าทิศทางของ ESG ในอนาคตควรจะเป็นแบบไหน เพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายที่เสนอไว้กับสาธารณชนได้
BANPU ได้ตั้งเป้าหมายเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี 2050 โดยมีเป้าระยะสั้นในปี 2030 คือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 20% และลดสัดส่วน EBITDA ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50%
แม้จะต้องเผชิญความท้าทายจากการทำธุรกิจใน 9 ประเทศ แต่ด้วยกลยุทธ์ "Energy Symphonics" สร้างความสมดุลระหว่างพลังงานที่มั่นคง (Reliable), เข้าถึงได้ (Affordable), และ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Sustainable) ก็น่าจะทำให้ไปถึงเป้าที่ตั้งไว้ได้ ภายใต้การดำเนินงานต่าง ๆ อาทิ
การลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซและเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอน ในสหรัฐฯ
การลงทุนโซลาร์ฟาร์มในจีน
การลงทุน ระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ในญี่ปุ่นและออสเตรเลีย
การปลูกป่าในอินโดนีเซีย เพื่อฟื้นฟูพื้นที่เหมือง เป็นต้น
การลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซที่สหรัฐ สร้างประโยชน์ในหลายมิติ เพราะช่วยให้มีพลังงานสะอาดมากขึ้น และด้วยความเป็นตลาดเสรี สามารถจำหน่ายไฟฟ้าสะอาดไปสู่ชุมชนในราคาพรีเมียมได้ เพราะประชาชนในสหรัฐพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อพลังงานสะอาดอยู่แล้ว
นอกจากนี้ การเติบโตของเทคโนโลยี AI และ Data Center ยังทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าใช้เท่าไหร่ก็ไม่พอ นับเป็นโอกาสให้ BANPU สามารถจำหน่ายไฟฟ้าในตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูง
ที่สำคัญการลงทุนในพลังงานสะอาด ยังทำให้บริษัทสามารถเก็บ Carbon Credit เพื่อนำมาชดเชยการปล่อยคาร์บอนจากธุรกิจอื่น ๆ ขององค์กรได้ (Carbon Footprint) ยิ่งบริษัทมีการลงทุนพลังงานสะอาดหลายแห่งอย่างที่กล่าวไป ก็จะเกิดการสร้างสมดุลขึ้นได้
"คำแนะนำถึงผู้ประกอบการ เราต้องดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งความรับผิดชอบเมื่อ 5 ปี 10 ปีก่อนก็ไม่เหมือนกับตอนนี้ คำนี้มันกว้างขึ้น ไม่ใช่แค่ผู้ถือหุ้นแล้ว แต่มันหมายถึงรับผิดชอบต่อ สังคม ชุมชน ดิน ฟ้า อากาศ ดังนั้นเมื่อมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากขึ้น เราก็ต้องรับผิดชอบต่อทุกส่วน ดังนั้น ESG มันเป็นทั้งอนาคต และเป็น Growth Area ของทุกบริษัท" นายพิริยะ กล่าวhttps://youtu.be/d6P26n0f5jA