
น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีมีผู้เสนอให้ ธปท.นำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่มีอยู่มากถึงกว่า 9 ล้านล้านบาท ออกมาช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศ ด้วยการตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่ง (Sovereign Wealth Fund) ว่า แนวคิดนี้ เป็นเรื่องที่คุยกันมานานมากแล้ว ซึ่ง ธปท.ไม่ได้มองว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ดี เพียงแต่ต้องมีการบริหารจัดการที่ดี และทำให้โปร่งใส เนื่องจากเป็นเงินของประเทศ
ทั้งนี้ ทุนสำรองระหว่างประเทศในแต่ละประเทศนั้น จะมีโครงสร้าง และองค์ประกอบที่แตกต่างกันไป โดยโครงสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศมี 2 ส่วน ได้แก่ 1.ทุนสำรองฯ ที่มาจากการทำมาหาได้ ซึ่งมาจากค้าขายสินค้า-บริการ และ 2.ทุนสำรองที่มีภาระผูกพัน (Borrowal Reserve) เป็นเงินจากต่างประเทศที่เข้ามาลงทุน ทั้งการลงทุนโดยตรง (FDI) และลงทุนในตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตร โดยมีมูลค่าสูง ซึ่งทุนสำรองที่มาจากส่วนนี้ เป็นส่วนที่มีโอกาสที่ต่างชาติจะนำเงินกลับประเทศ ซึ่งไทยจะต้องเตรียมเงินในส่วนนี้ไว้ เพราะหากไม่มี จะเป็นความเสี่ยงทางด้านเครดิตของประเทศ และจะทำให้ภาพเครดิตของประเทศไม่ดี
โฆษก ธปท. กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าหรือบริษัทจัดอันดับเครดิต (Rating Agency) แม้จะมีการปรับลดมุมมอง (Outlook) เศรษฐกิจไทยนั้น แต่ยังมองว่ามีปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทยอยู่ คือ การมีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับความเสี่ยงต่าง ๆ ได้ดี สะท้อนพื้นฐานแข็งแกร่งของประเทศที่มีความยืดหยุ่น (Resilience) และเป็นกันชน (Cushion) ความเสี่ยงจากต่างประเทศ
"เราเป็นประเทศที่มี Borrowal Reserve เยอะ ไม่ได้มองว่าการตั้งกองทุนมั่งคั่งเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ใช่ว่าจะดื้อ แต่หากทำ ต้องดู Size ของเม็ดเงิน ความพอเหมาะสม และในแง่ธรรมาภิบาล จะต้องทำอย่างระมัดระวัง และมีการบริหารจัดการให้ดี โปร่งใส เพราะเป็นเงินของประเทศ เพราะหากเทียบประเทศที่มีกองทุนมั่งคั่ง เช่น เป็นประเทศที่มีรายได้มั่นคง อาทิ ประเทศที่มีน้ำมัน หรือ สิงคโปร์ที่มีรายได้จากการบริการในเรื่องของ Financial Service แม้ไม่มีทรัพยากร ดังนั้น จึงต้องมีการศึกษาหลาย ๆ ประเทศ" น.ส.ชญาวดี กล่าว