
ที่ประชุมสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) วานนี้ มีมติรับหลักการ ตามที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยื่นญัตติเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 พ.ศ. จำนวนไม่เกิน 32,625 ล้านบาท เป็นรายจ่ายพิเศษจ่ายจากเงินสะสมจ่ายขาดของกทม. เพื่อใช้ชำระหนี้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญพิจารณา 24 คน กำหนดพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 45 วัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานคร และ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ชำระหนี้ดังกล่าว หน่วยงานจึงได้เสนอขอตั้งงบประมาณในครั้งนี้ โดยคำนึงยอดดอกเบี้ยที่ต้องชำระจนถึงเดือนพ.ย.68 รวม 32,625 ล้านบาท
นายชัชชาติ กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่งศาลฯ ออกมา ก็ทำให้ กทม.มั่นใจ และมีหลักในการทำงานต่อได้ และจะทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ
"ที่ผ่านมา มีขั้นตอนในกระบวนการเจรจา กว่าจะมีคำสั่งศาลออกมา และฝ่ายบริหารได้พยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว อาจไม่ถูกใจทุกคน และไม่รวดเร็ว แต่ทำด้วยความรอบคอบ เราเคารพคำตัดสินของศาล ซึ่งจะน้อมรับและปฏิบัติตาม" ผู้ว่าฯ กทม. ระบุสำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายในอนาคต ตามนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทของรัฐบาลเดิม จากการหารือกับกระทรวงคมนาคม รัฐบาลจะจ่ายในส่วนของค่าเดินรถ แต่ขณะนี้ไม่มีแล้ว จึงจำเป็นต้องออกเป็นข้อบัญญัติและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการให้สภากทม.พิจารณาต่อไป
นายนภาพล จีระกุล ส.ก.เขตบางกอกน้อย กล่าวว่า ดีใจที่เห็นฝ่ายบริหารยื่นญัตตินี้เข้ามา เนื่องจากเป็นเรื่องที่กังวลมาตลอดว่า กทม. จะต้องแบกภาระหนี้รถไฟฟ้า ที่ผ่านมา กทม.ได้ต่อสู้ตามกระบวนการของศาลอย่างที่สุดแล้ว
นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร ส.ก.เขตจอมทอง กล่าวว่า รู้สึกยินดีเช่นกันที่ฝ่ายบริหารเสนอญัตตินี้เข้ามา เนื่องจากภาระดอกเบี้ยมีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน หากล่าช้าเพียง 1 เดือน ดอกเบี้ยก็จะสูงกว่า 200 ล้านบาท และความเสียหายกับ กทม. ก็จะสูงขึ้นตาม