กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.70 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 32.41 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในกรอบ 32.18-32.53 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดรอบ 1 เดือน เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบสกุลเงินสำคัญส่วนใหญ่
โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงท่ามกลางการปิดหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown) เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี หลังจากพรรคเดโมแครต และรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว ทั้งนี้ การปิดตัวครั้งล่าสุดใช้เวลานานถึง 35 วัน ขณะที่การจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย.ดิ่งลงมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี และตัวเลขเดือน ส.ค.ถูกทบทวนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้น และพันธบัตรไทยสุทธิ 3,534 ล้านบาท และ 277 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนในไตรมาส 3/68 เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อยในอัตรา 0.31% ขณะที่สกุลเงินภูมิภาค ปรับตัวไร้ทิศทาง
โดยสัปดาห์นี้ การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ทำให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ย.เลื่อนออกไป โดยผลกระทบของ Government Shutdown ต่อตลาดการเงินยังจำกัด แต่ผลเชิงลบต่อค่าเงินดอลลาร์จะมากขึ้น หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่เต็มใจที่จะประนีประนอม อีกทั้งได้ขู่ว่าจะให้พนักงานภาครัฐ พ้นจากตำแหน่งแทนที่จะว่างงานชั่วคราว ขณะที่ภาวะตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในปัจจุบันเปราะบางมากกว่าการ Shutdown รอบก่อน
ทางด้านเงินเยน เผชิญแรงขาย หลังผลเลือกตั้งผู้นำพรรค LDP ผิดคาด โดยการขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ของคุณทาคาอิจิ ซึ่งสนับสนุนแนวคิด Abenomics ทำให้นักลงทุนมองว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยออกไป อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังคุณทาคาอิจิ พยายามสงวนท่าทีที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการเงิน
ส่วนปัจจัยในประเทศ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะลดดอกเบี้ยลง 25bp สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมวันที่ 8 ต.ค.68 ขณะที่ภาคส่งออกมีสัญญาณแผ่วลงชัดเจนจากมาตรการภาษีศุลกากรสหรัฐฯ การผลิตซบเซา และท่องเที่ยวอ่อนแรง อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งมาตรการทางการคลังชุดใหม่เพื่อกระตุ้นการบริโภคยังไม่มีผลบังคับใช้ ขณะที่กลไกการส่งผ่านของการผ่อนคลายนโยบายการเงินสู่ภาคเศรษฐกิจจริงต้องใช้เวลา