กนง.มองนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่องถึงปีหน้า ช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ยังโตต่ำกว่าศักยภาพ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 8, 2025 17:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

กนง.มองนโยบายการเงินต้องผ่อนคลายต่อเนื่องถึงปีหน้า ช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ยังโตต่ำกว่าศักยภาพ

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า การที่ กนง. ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 และปี 69 ลงเล็กน้อยที่ 0.1% เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ในรอบที่แล้ว (ประมาณการเดือนมิ.ย.68) ซึ่งในภาพรวม จะพบว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรก ขยายตัวได้ดีตามคาดที่ 3% ส่วนเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะแผ่วลงอย่างชัดเจน โดยเริ่มเห็นการชะลอตัวลงในไตรมาส 3 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากภาคการผลิตเป็นสำคัญ ที่โรงงานบางแห่งหยุดผลิตชั่วคราว และการส่งออกที่เริ่มชะลอตัวลงจากผลการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

"คาดว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 คาดโตได้ต่ำกว่า 2% ทำให้ครึ่งปีหลัง โตต่ำกว่า 2% และอาจต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1 ไตรมาส 2 ของปีหน้า" นายสักกะภพ ระบุ
  • ส่งออกยังแรงดี ผลกระทบภาษีสหรัฐฯ ไม่มากเท่าที่คิด

อย่างไรก็ดี ในภาพรวมมองว่ามาตรการภาษีของสหรัฐฯ แม้จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย แต่ก็กระทบน้อยกว่าที่คาดไว้ จึงทำให้ กนง.ปรับประมาณมูลค่าการส่งออกไทยปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากเดิมคาดไว้ที่ 4% เนื่องจากการส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่ปี 69 คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะลดลง -1% เนื่องจากผลของฐานที่สูงในปีนี้

"ต้องติดตามมาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะเริ่ม kick in มากน้อยขนาดไหน แต่ที่ผ่านมา เรายังเห็นผลตรงนี้ไม่ค่อยชัดนัก หรือน้อยกว่าที่ประเมินไว้" นายสักกะภพ กล่าว

ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้น จำนวนนักท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว สะท้อนจาก seat capacity ที่ปรับสูงขึ้น โดยนักท่องเที่ยวระยะไกลยังขยายตัวได้ดี ประกอบกับนักท่องเที่ยวจีนในช่วง 2 เดือนนี้เริ่มทยอยกลับมา ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 33 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 4.4 ล้านคน ส่วนปี 69 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 35 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 6 ล้านคน

  • แม้หั่นเงินเฟ้ออย่างมีนัย แต่ยังไม่มีสัญญาณเงินฝืด

นายสักกะภพ ยังกล่าวถึงการปรับประมาณการเงินเฟ้อปีนี้ และปีหน้า ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าปีนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) จะอยู่ที่ 0% ส่วนปี 69 อยู่ที่ 0.5% และปี 70 อยู่ที่ 1% ซึ่งจะได้เห็นเงินเฟ้อเริ่มกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายนโยบายการเงินที่ 1-3%

อย่างไรก็ดี กนง.มองว่า เศรษฐกิจไทยยังไม่มีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้จะพบว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องหลายเดือน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมสินค้าในกลุ่มพลังงานและอาหารสด ยังเป็นบวก นอกจากนี้ ยังไม่เห็นสัญญาณการปรับราคาสินค้าและบริการ ลดลงในวงกว้าง หรือไม่เห็นสัญญาณว่าผู้บริโภคจะชะลอการใช้จ่ายในช่วงนี้ เพื่อไปรอราคาที่ลดลงในอนาคต รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ของภาคเอกชน ยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย

"ตัวที่ถ่วงเงินเฟ้อปีนี้ และปีหน้า คือกลุ่มพลังงาน และอาหารสด เพราะเราคาดว่าราคาพลังงานในระยะข้างหน้ายังโน้มต่ำ จากนั้นปี 70 มองว่า ราคาน้ำมันจะเริ่มทรงตัว แต่สิ่งที่กรรมการฯ เห็นตรงกัน คือ ความเสี่ยงเรื่องเงินฝืด ยังอยู่ในระดับต่ำ ยังไม่เห็นความเสี่ยงเรื่องเงินฝืด แต่เป็นจุดที่ กนง.จะติดตามพัฒนาการและประเมินเรื่องของเงินฝืดในระยะต่อไป" นายสักกะภพ ระบุ

สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ตั้งแต่ต้นปีจนถึง 30 ก.ย.68 เงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น 5.2% ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาท มีผลกระทบกับภาคที่มี margin ต่ำ โดยเฉพาะภาคที่ใช้วัตถุดิบในประเทศสูง เช่น ภาคเกษตร, เกษตรแปรรูป และสิ่งทอ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม SME ถึง 80% ที่ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้เมื่อเงินบาทแข็งค่าแล้ว จะส่งผลกระทบต่อรายรับที่แปลงจากดอลลาร์สหรัฐกลับมาเป็นเงินบาท

"คนที่ได้รับผลกระทบเยอะๆ คือ กลุ่มที่มี margin ต่ำ ผลกระทบจะไม่เท่าเทียมกัน รายใหญ่จะกระทบน้อยกว่า เพราะมีการ hedge มีการปรับตัว ทยอยลดต้นทุน ดังนั้นรายเล็กจะได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะ" เลขานุการ กนง.ระบุ
  • นโยบายการเงินผ่อนคลายต่อเนื่องปีหน้า พยุงศก.ที่โตต่ำศักยภาพ

นายสักกะภพ กล่าวว่า กนง. เห็นว่านโยบายการเงินจำเป็นต้องผ่อนคลาย และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เพราะจากที่ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 69 จะขยายตัวได้ 1.6% นั้น ยังถืว่าเป็นการเติบโตที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพ ดังนั้นนโยบายการเงินจะต้องช่วยประคับประคอง และช่วยในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ส่วนเวลาที่เหมาะสมที่ กนง.จะตัดสินใจปรับดอกเบี้ยนโยบายนั้น นายสักกะภพ กล่าวว่า การทบทวนนโยบายการเงิน จะทำก็ต่อเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขเศรษฐกิจที่ส่อให้เห็นว่าแนวโน้มจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือภาวะการเงินตึงตัวมากกว่าที่คาด ถึงจะเป็นจุดที่ทำให้ กนง.จะตัดสินใจทบทวนนโยบายการเงิน แต่ในปัจจุบันมองว่า การปรับลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี สามารถรองรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ กนง.ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในรอบนี้

"ภาพใหญ่คือเศรษฐกิจไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากที่เคยมองไว้เดิมมาก ซึ่งกรรมการอยากรอดูผลการส่งผ่านนโยบายในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ เรื่อง policy space แม้จะไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ยอมรับว่ามีไม่มากนักที่ 1.50%...ถ้ามีช็อคอะไรเกิดขึ้นมา การมี (policy space) ก็ดีกว่าไม่มี เพราะในอนาคต ความไม่แน่นอนมันเกิดขึ้นได้ อย่างเช่น กรณี tariff สหรัฐฯ ก็เป็นสิ่งที่มาเซอร์ไพร์ส ไม่คาดคิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ ซึ่งในข้างหน้าต้องมีอะไรที่รองรับความเสี่ยงในระยะปานกลาง แน่นอนว่า บทบาทของดอกเบี้ย ดูแลความผันผวนของเศรษฐกิจในระยะสั้น อีกส่วนก็ต้องดูแลระยะกลาง มันอยู่ที่การชั่งน้ำหนัก" นายสักกะภพ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ