
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า แต่ละปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวไทย มากเป็นอันดับ 1 หรือไม่ก็อันดับ 2 มาต่อเนื่อง จากความได้เปรียบด้านผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ และโดยเฉพาะพรมแดนที่ติดกัน ทำให้ชาวมาเลเซียเดินทางมาเที่ยวไทยสะดวก ทั้งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันหยุดยาว และไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า
จากข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศไทยของชาวมาเลเซีย พบว่ากว่า 80% เดินทางมาเที่ยวไทยทางบก ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางผ่านด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา และด่านพรมแดนเบตง จ.ยะลา
ทั้งนี้ สอดคล้องกับจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ที่นิยมเที่ยวในจังหวัดทางภาคใต้ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่เที่ยวไทย สำหรับจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางไปท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก คือ 1.สงขลา 2.กรุงเทพฯ 3.ยะลา 4.ภูเก็ต และ 5.นราธิวาส โดยนักท่องเที่ยวมาเลเซีย มีวันพักในไทยเฉลี่ยที่ประมาณ 4.3 วัน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่ประมาณ 4,830 บาท/วัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินสถานการณ์นักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวไทยในปีนี้ และระยะข้างหน้า พบว่า ตลาดนักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวไทยเริ่มมีสัญญาณน่ากังวลขึ้น เมื่อนักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวไทยลดลง จากข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-5 ต.ค. 68 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวไทย มีจำนวน 3.53 ล้านคน ลดลง 7% (YoY)
แต่นักท่องเที่ยวมาเลเซียไปประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน มีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อาทิ อินโดนีเซีย (จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 2 ของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย) สิงคโปร์ เวียดนาม และญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าผลสำรวจพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวในและต่างประเทศของชาวมาเลเซีย โดย Malaysia Tourism Promotion Board จะระบุว่า ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวอันดับ 1 ของชาวมาเลเซีย และนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวไทย ยังมีจำนวนสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศก็ตาม
อย่างไรก็ดี การที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวประเทศอื่นเพิ่มขึ้น มาจากหลายปัจจัย อาทิ
- มาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น นโยบายวีซ่าฟรีระหว่างจีน-มาเลเซีย ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 68 หนุนชาวมาเลเซียเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศจีนเพิ่มขึ้น
- การปรับตัวทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ความหลากหลายทางศาสนา อาทิ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่น มีการปรับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับชาวมุสลิม เช่น ห้องละหมาด และร้านอาหารฮาลาล เพื่อเข้าถึงตลาดการท่องเที่ยวของชาวมุสลิม
- ราคาและความคุ้มค่า ซึ่งราคาสินค้าและบริการท่องเที่ยวของไทยปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งส่วนหนึ่งจากผลของเงินบาทที่แข็งค่า จากผลสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยวมาเลเซียให้ความสำคัญกับราคาค่อนข้างมาก โดยงบประมาณมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ความกังวลในเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยว จากสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซีย ได้แนะนำให้พลเมืองหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยัง 3 จังหวัดชายแดนใต้ของไทย
"หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปเช่นนี้ การกลับมาของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย อาจลำบากขึ้น ดังนั้น ภาครัฐคงต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์การท่องเที่ยว เพื่อดึงนักท่องเที่ยวมาเลเซีย ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวในหลายจังหวัดทางภาคใต้" บทวิเคราะห์ ระบุศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายปี 68 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวไทย น่าจะยังไม่ฟื้นตัว จึงคาดว่าทั้งปี 68 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเที่ยวไทยจะอยู่ที่ 4.6 ล้านคน ลดลง 7% จากปี 67 และต่ำกว่าปี 66 ซึ่งกระทบรายได้การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวมาเลเซียลดลง 8% จากปี 67 หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 96,100 ล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายหลักของนักท่องเที่ยวมาเลเซีย กว่า 70% คือ ค่าซื้อสินค้า/ของที่ระลึก เช่น อาหารฮาลาล สินค้าเพื่อสุขภาพ ค่าที่พัก และค่าอาหาร