
นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษกกกพ. กล่าวภายหลังคณะกรรมการ กกพ.ร่วมหารือกับ นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน และผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ว่า กกพ.พร้อมสนับสนุนและเร่งรัดการดำเนินงานตามโครงการ Quick Big Win ของ รมว.พลังงาน เพื่อขับเคลื่อนภารกิจสำคัญและโครงการเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยมุ่งให้ภาคพลังงานเป็นกลไกหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ เสริมขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้าและการลงทุน ดึงดูดการย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศ พร้อมทั้งขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างการจ้างงาน และความยั่งยืนให้กับระบบพลังงานของประเทศในระยะยาว

โดยภารกิจด้านพลังงานตามโครงการ Quick Big Win ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงาน กกพ.ได้แก่
1.โครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชน มีเป้าหมายกำลังการผลิต 1,500 เมกะวัตต์ มุ่งสร้างรายได้และลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระดับชุมชน โดยสำนักงาน กกพ.รับผิดชอบในการจัดทำระเบียบ ประกาศหลักเกณฑ์ และวิธีการรับซื้อไฟฟ้า เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามที่นโยบายกำหนด
2.มาตรการ Direct PPA สำหรับ Data Center กกพ. ได้นำเสนอ ร่างหลักเกณฑ์โครงการนำร่องการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการทำสัญญาซื้อขายพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ผ่านการขอใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access: TPA) สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center) รวมถึง ร่างข้อกำหนดการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code: TPA Code) นำไปรับฟังความคิดเห็นจาก ผู้มีส่วนได้เสียผ่านช่องทางเว็บไซต์สำนักงาน เมื่อวันที่ 3-10 ต.ค.แล้ว โดยจะเร่งสรุปร่างหลักเกณฑ์และอัตราค่าบริการ TPA เสนอต่อกระทรวงพลังงานเพื่อพิจารณา และนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ภายในเดือน พ.ย.68
3.โครงการโซลาร์สูบน้ำเพื่อการเกษตร ดำเนินการโดยขอรับการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า ภายใต้การกำกับของ กกพ. มุ่งส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ของเกษตรกร และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
พร้อมกันนี้ สำนักงาน กกพ. ยังได้เสนอประเด็นเร่งด่วนให้ รมว.พลังงาน พิจารณา ได้แก่
1.แนวทางการดูแลค่าไฟฟ้า มุ่งสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า ควบคู่กับการดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าให้ได้รับค่าไฟฟ้าที่เหมาะสม เป็นธรรม และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง
2.การคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาและกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เพื่อให้การบริหารงานของ กกพ. ดำเนินต่อเนื่อง โดยเสนอให้ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสรรหาและกรรมการชุดใหม่จำนวน 4 คน ในกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม
3.โครงการสร้างพื้นฐานในกิจการก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอ (LNG tank and Loading Arm) ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานด้านก๊าซธรรมชาติ เช่น ถังเก็บ LNG และระบบขนถ่าย (Loading Arm) ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ กกพ. จึงต้องพิจารณาแนวทางพัฒนาและกำกับโครงสร้างพื้นฐาน LNG ให้เพียงพอและมั่นคง รองรับความต้องการพลังงานในอนาคต
4.แนวทางการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองในภาคธุรกิจ ส่งเสริมให้ภาคธุรกิจสามารถลงทุนผลิตไฟฟ้า เพื่อใช้ภายในกิจการของตนเอง โดยมุ่งลดต้นทุนพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ทั้งนี้ การดำเนินงานอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์และกรอบกำกับของสำนักงาน กกพ. เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ความมั่นคงของระบบไฟฟ้า และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่น
5.การอนุมัติแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณประจำปี 2569 ของสำนักงาน กกพ.
โฆษก กกพ. กล่าวว่า ระหว่างการหารือ กกพ.ได้รายงานสถานการณ์การผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย และราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าอยู่ในทิศทางที่ช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในช่วงต้นปีหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญ หากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายควบคู่กับความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงยังอยู่ในแนวโน้มขาลงก็จะส่งผลดีต่อแนวโน้มค่าไฟของประเทศในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการทยอยชำระคืน ภาระต้นทุนคงค้าง (AF) ที่ กฟผ. รับภาระค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าแทนประชาชนในช่วงวิกฤตพลังงานซึ่งคงค้างอยู่ประมาณ 66,000 ล้านบาท และภาระค่า AF Gas ที่ค้างอยู่ระหว่าง ปตท. และ กฟผ. อีกประมาณ 15,000 ล้านบาท (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน เม.ย.68) เพื่อให้สามารถดำเนินการชำระคืนได้หมดโดยเร็ว สร้างเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับระบบพลังงานของประเทศในระยะยาว