บสย.โชว์ยอดค้ำสินเชื่อ 9 เดือนเฉียด 3 หมื่นลบ. จ่อผุดสินเชื่อใหม่ พร้อมปลดล็อกค้ำประกันกลุ่ม Non Bank

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 16, 2025 14:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บสย.โชว์ยอดค้ำสินเชื่อ 9 เดือนเฉียด 3 หมื่นลบ. จ่อผุดสินเชื่อใหม่ พร้อมปลดล็อกค้ำประกันกลุ่ม Non Bank

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงาน บสย. ช่วง 9 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) มียอดค้ำประกันสินเชื่อรวม 29,695 ล้านบาท ผ่าน 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อที่เป็นมาตรการรัฐ ในสัดส่วน 54% คิดเป็นยอดค้ำประกัน 15,984 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 33,625 ราย และโครงการค้ำประกันสินเชื่อดำเนินการโดย บสย. ในสัดส่วน 46% คิดเป็นยอดค้ำประกัน 13,711 ล้านบาท สามารถช่วย SMEs ได้สินเชื่อ 3,875 ราย

บสย.โชว์ยอดค้ำสินเชื่อ 9 เดือนเฉียด 3 หมื่นลบ. จ่อผุดสินเชื่อใหม่ พร้อมปลดล็อกค้ำประกันกลุ่ม Non Bank

โดยในส่วนของโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 "บสย SMEs ยั่งยืน" วงเงิน 50,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นมาตรการค้ำกันสินเชื่อที่เน้นช่วย SMEs ลดภาระทางการเงิน ซึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการในเมื่อ ก.ค.67 จนถึง 30 ก.ย.68 มียอดค้ำประกันรวม 44,517 ล้านบาท และสามารถช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากกว่า 62,703 ราย

นายสิทธิกร กล่าวว่า ตลอด 9 เดือนของปี 2568 จากการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย. ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่า 122,640 ล้านบาท ช่วย SMEs ได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้นกว่า 37,285 ราย แบ่งเป็น กลุ่มรายย่อยหรือ Micro SMEs ในสัดส่วนถึง 84% ค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ย 150,000 บาทต่อราย อีก 16% เป็นกลุ่ม SMEs ค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ย 4.4 ล้านบาทต่อราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินได้กว่า 39,335 ล้านบาท และช่วยรักษาการจ้างงานรวม 401,871 ตำแหน่ง

บสย.โชว์ยอดค้ำสินเชื่อ 9 เดือนเฉียด 3 หมื่นลบ. จ่อผุดสินเชื่อใหม่ พร้อมปลดล็อกค้ำประกันกลุ่ม Non Bank

ประเภทธุรกิจที่มียอดค้ำประกันสินเชื่อสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1. ภาคบริการ 32.6% 2. อาหารและเครื่องดื่ม 10% และ 3. เกษตรกรรม 7.9% ซึ่งทั้ง 3 ประเภทธุรกิจ ครองสัดส่วนค้ำประกันถึง 51% สะท้อนถึงแนวโน้มของเม็ดเงินลงทุนของผู้ประกอบการ SMEs ในภาคบริการ อาหาร และธุรกิจท่องเที่ยว ที่เดินหน้าการลงทุน ต่อยอดธุรกิจเพื่อรองรับเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจำนวนมากในช่วงปลายปี

"จากสัดส่วนผู้ประกอบการที่เข้าถึงสินเชื่อ ผ่านการค้ำประกันของ บสย. ซึ่งเป็นกลุ่มรายย่อย Micro SMEs สูงถึง 84% สะท้อนถึงความสำเร็จของกลไกการค้ำประกันของ บสย. ที่สามารถช่วยเหลือกลุ่ม Micro SME รายย่อย อาชีพอิสระ และกลุ่มเปราะบาง ที่มีปัญหาขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือบุคคลค้ำประกัน สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น" นายสิทธิกร กล่าว
  • เล็งผุดสินเชื่อใหม่ เสริมสภาพคล่อง SMEs ช่วงไฮซีซั่นปลายปี

ทั้งนี้ จากความผันผวนทางเศรษฐกิจ สงครามการค้า และสารพัดปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นตลอดปีนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ SMEs ของไทยให้ติดหล่ม จากปัญหาสภาพคล่องและการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบ ซึ่งสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างมหาศาล โดยรัฐบาลเล็งเห็นถึงปัญหาของธุรกิจ SMEs นำมาสู่นโยบาย "Quick Big Win" หรือ "กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว" ซึ่งหนึ่งในด้านที่สำคัญ คือ "การช่วยเหลือธุรกิจ SMEs" ด้วยการเติมสภาพคล่องให้กับ SMEs อย่างเร่งด่วน

นายสิทธิกร กล่าวว่า บสย. ได้ร่วมขับเคลื่อนตามนโยบายรัฐบาล ในการเข้าไปช่วยเสริมสภาพคล่องให้ SMEs ด้วยการเตรียมออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อโครงการใหม่ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับ SMEs ที่ต้องการเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ หรือลงทุนต่อยอดกิจการเพื่อรองรับช่วงไฮซีซันในเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี ซึ่งถือเป็น "มาตรการพิเศษ" ที่มุ่งกระตุ้นให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อในรายที่ต้องการสภาพคล่องเพิ่มเติม แต่ขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นการลดความเสี่ยงด้าน Credit Cost ให้กับ SMEs และเพิ่มโอกาสด้านเครดิต เพื่อลดอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ และทำให้สถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นในการพิจารณาสินเชื่อเพิ่มให้กับ SMEs มากยิ่งขึ้น

นายสิทธิกร กล่าวว่า บสย. ประสบความสำเร็จในการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ บสย. จ่ายเคลม ผ่านมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ "บสย. พร้อมช่วย" หรือมาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว ด้วยจุดเด่นของมาตรการแก้หนี้ คือ การตัดต้นก่อนตัดดอก อัตราดอกเบี้ย 0% ผ่อนยาว 7 ปี และพิเศษ ในช่วงระหว่างวันที่ 1 ก.ย.-31 ต.ค.68 บสย. ได้จัดกิจกรรม "บสย. พร้อมค้ำ พร้อมช่วย" เฟส 2 พร้อมเปิดตัวมาตรการสีฟ้า "คุณสู้ บสย. พร้อมช่วย" เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม "ปลดหนี้" ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น โดยเฉพาะลูกหนี้ "กลุ่มเปราะบาง" เงินต้นไม่เกิน 2 แสน ด้วยการลดเงินต้นถึง 50% สูงสุดที่ บสย. เคยทำมา

ทั้งนี้ ตั้งแต่เปิดตัวมาตรการ "บสย. พร้อมช่วย" ในปี 2565 จนถึง 30 ก.ย.68 สามารถปรับโครงสร้างหนี้ 22,481 ราย คิดเป็นมูลหนี้สะสมรวม 14,560 ล้านบาท เฉพาะ 9 เดือนแรกของปี 2568 (ม.ค.-ก.ย.) สามารถปรับโครงสร้างหนี้ 3,992 ราย คิดเป็นมูลหนี้ 2,688 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็น "กลุ่มเปราะบาง" 2,628 ราย ที่สำคัญจากมาตรการนี้ สามารถช่วยลูกหนี้ "ปลดหนี้" ปิดบัญชีได้สำเร็จถึง 547 ราย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่สามารถช่วยลูกหนี้ "ปลดหนี้" ได้ 116 ราย

"สะท้อนถึงความสำเร็จของมาตรการ บสย. พร้อมช่วย และตอกย้ำภารกิจของ บสย. ที่ต้องการช่วยต่อลมหายใจให้ SMEs และทำให้ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมมีกำลังใจ กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง" นายสิทธิกร กล่าว
  • Q4/68 เริ่มขยายค้ำประกันสินเชื่อกลุ่ม Non-Bank

พร้อมระบุว่า อีกการเปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับ บสย.ที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 คือ การปรับแก้ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง "กำหนดให้นิติบุคคลที่ให้บริการสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมขนาดย่อมเป็นสถาบันการเงิน" ทำให้ บสย. สามารถขยายการค้ำประกันสินเชื่อไปยังผู้ให้บริการสินเชื่อประเภท Non-Bank ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่สามารถค้ำประกันสินเชื่อได้เฉพาะ Non-Bank ที่เป็นบริษัทลูกของสถาบันการเงินเท่านั้น

"เป็นการช่วยปลดล็อกให้ SMEs สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น โดย บสย. พร้อมค้ำประกันสินเชื่อให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ Non-Bank ตามประกาศกระทรวงการคลังฉบับใหม่ ได้แก่ "นาโนไฟแนนซ์" และ "ลีสซิ่ง" ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้" นายสิทธิกร ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ