
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์บิตคอยน์มูลค่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากผู้ก่อสร้างและประธานกลุ่มบริษัท Prince Holding Group (Prince Group) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทธุรกิจข้ามชาติขนาดใหญ่ในกัมพูชา ในข้อหาคบคิดฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ และคบคิดฟอกเงิน จากการสั่งการให้กลุ่มบริษัท Prince Group ดำเนินการศูนย์หลอกลวงโดยใช้แรงงานบังคับทั่วประเทศกัมพูชาว่า ในส่วนของประเทศไทยนั้น เรื่องการติดตามแหล่งที่มา และสกัดการเคลื่อนย้ายทุนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์-สแกมเมอร์ อยู่ในขอบเขตการทำงานของคณะทำงาน Connect the Dots ที่นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ได้ตั้งขึ้นมาอยู่แล้ว
สำหรับหน่วยงานที่ร่วมใน Connect the Dots ประกอบด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะมีหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบเกี่ยวกับเงินทุนที่อาจจะเข้ามา รวมทั้งยังมีสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่จะเข้ามาช่วยเรื่องนี้ได้อย่างมาก เพราะแหล่งเงินที่จะเข้ามานั้น จะต้องมีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยใช้กฎหมายที่ ปปง. รับผิดชอบอยู่ จะช่วยการดำเนินงานในส่วนนี้ได้เป็นอย่างมาก
"เรื่องนี้ อยู่ในส่วนการทำงานของคณะ Connect the Dots ซึ่งตอนนี้ได้ให้ปลัดกระทรวงการคลังตั้งทีมขึ้นมา และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกัน เชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เข้ามาร่วมกัน จะเร่งทำงาน โดยเฉพาะการตรวจสอบและติดตามแหล่งที่มาของเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุ
ส่วนที่มีการข้อสังเกตว่า ประเทศไทยจำเป็นจะต้องมีการปรับหลักเกณฑ์ เพื่ออุดช่องโหว่ในการสำแดงสินทรัพย์ (Declare) ในส่วนที่จะเข้ามาลงทุนภายในประเทศใหม่หรือไม่นั้น นายเอกนิติ ระบุว่า เรื่องนี้อาจจะต้องมาพิจารณากันต่อไป แต่ยืนยันว่าขณะนี้ได้มีคณะทำงานที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้นอยู่แล้ว
ส่วนประเด็นว่ามีธุรกิจไทยที่เชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์มากน้อยแค่ไหนนั้น ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่มีข้อมูลในส่วนนี้ และต้องยอมรับว่า กระทรวงการคลังเป็นแค่ส่วนหนึ่งในคณะทำงานของ Connect the Dots เท่านั้น ซึ่งแนวทางการทำงานหลักในการตรวจสอบจะเป็นหน้าที่ของ ปปง. มากกว่า