ผู้ว่า ธปท. หนุนบทบาท BAM ฟันเฟืองหลักสางปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday October 28, 2025 10:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้ว่า ธปท. หนุนบทบาท BAM ฟันเฟืองหลักสางปัญหาหนี้ครัวเรือนไทย

นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดเวทีสัมมนาใหญ่แห่งปี BAM SYMPOSIUM : New Era of AMC 2025 ครั้งที่ 1 ว่า ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ช่วยจัดการหนี้เสียไม่ให้กระทบต่อเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน และยังช่วยฟื้นฟูลูกหนี้รายย่อยให้กลับมามีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตทางเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

ปัจจุบันในระบบมีบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ประมาณ 90 แห่ง แต่ดำเนินการจริงเพียง 45 แห่งเท่านั้น ส่งผลให้พอร์ตการซื้อหนี้เสียในระบบของ AMC ในปัจจุบันลดลงเหลือ 10% ของยอดหนี้เสีย จากก่อนหน้าที่เคยสูงถึง 20% ของยอดหนี้เสีย ซึ่ง ธปท. ต้องการเห็นพอร์ตการซื้อหนี้เสียของ AMC ในอนาคตเพิ่มมากขึ้นเป็น 20-30% ของยอดหนี้เสีย

ดังนั้น การที่ ธปท.เตรียมออกประกาศให้มีการจัดตั้งกิจการร่วมทุน (JV) AMC ใหม่ จะช่วยเพิ่มผู้เล่นในระบบ ซึ่งเป็นการกระตุ้นการดำเนินงานของ AMC ที่มีในระบบให้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน

"AMC ถือว่ามีบทบาทมากในการช่วยดูดซับ NPL นำมาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้หนี้เสีย กลายเป็นหนี้ดีได้ไวขึ้น...NEW ERA นี้ เราอยากให้ AMC ขยายบทบาทมากขึ้น เป็นจิ๊กซอว์ใน Ecosystem และช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้อีกทาง" ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุ

นอกจากนี้ ธปท. อยากให้ AMC เข้าสู่ระบบของเครดิตบูโร ซึ่งมองว่าหากทุกหน่วยงานที่มีลูกหนี้เข้าสู่ระบบของเครดิตบูโรได้ จะเป็นเรื่องดี ฐานข้อมูลจะใหญ่ขึ้น ดังนั้นเวลาจะออกนโยบาย หรือปล่อยสินเชื่อ ก็จะเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ ธปท. ไม่ได้บังคับ แต่เป็นภาคสมัครใจ โดยเบื้องต้นทราบว่า บมจ. บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) ได้เข้าเรียบร้อยแล้ว

"ตอนนี้ AMC ไม่ได้ถูกให้เข้าเครดิตบูโร แต่ถ้าทุกหน่วยงานที่มีข้อมูลลูกหนี้ สามารถเข้าสู่เครดิตบูโรได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ฐานข้อมูลเราก็จะใหญ่ขึ้น เวลาแก้หนี้เสร็จ ข้อมูลลูกหนี้ก็จะเปลี่ยน สถานะลูกหนี้ถูกปรับเป็นลูกหนี้ที่ดี เราก็จะสามารถช่วยกลุ่มนี้ให้ออกจากความเป็นหนี้เสียได้ง่ายขึ้น" ผู้ว่าฯ ธปท. ระบุ

ด้านนายรักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ [BAM] กล่าวในหัวข้อ AMC กับบทบาทการพลิกฟื้นสินทรัพย์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยว่า มูลค่าหนี้คงค้าง (Outstanding) ที่อยู่ในกลุ่มของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ทั้งหมด รวมประมาณ 1 ล้านล้านบาท และอยู่ที่ BAM ประมาณครึ่งหนึ่ง หรือราว 4.9 แสนล้านบาท ซึ่งหนี้ที่อยู่ในมือ AMC นี้ จะมาพร้อมกับทรัพย์ นับเป็น "สมการตั้งต้น" ในการบริหารจัดการ เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถระบายทรัพย์กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ BAM และกลุ่ม AMC ได้ร่วมกันพัฒนาแนวคิด "รหัสหนี้ใหม่ 054" เพื่อเป็นระบุว่า มีการ recap หนี้ที่เป็น NPLs (Non-Performing Loans) ไปเป็น RPLs (Re-Performing Loans) แล้ว ซึ่งรหัสนี้จะถือเป็นโอกาสใหม่ของลูกหนี้ ที่สามารถกลับมามีศักยภาพได้อีกครั้ง และทำให้ได้รับการพิจารณาปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เปรียบเหมือนเป็นการช่วยคนที่ล้มให้กลับมาลุกขึ้นยืนได้ใหม่อีกครั้ง โดยไม่ต้องไปพึ่งพาเงินนอกระบบ ซึ่งไม่ได้สร้างความยั่งยืนต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว

สำหรับแนวทางบริหารจัดการหนี้เสีย (NPL) ของ BAM นั้น นายรักษ์ กล่าวว่า ใช้รูปแบบการทำงานที่เรียกว่า "TDR Factory" (Troubled Debt Restructuring Factory) โดยจัดระบบสายพานการทำงานตามความถนัดของแต่ละประเภทหนี้ เช่น หนี้ที่อยู่อาศัย (Housing Loan) จะมีสายพานเฉพาะด้านที่เชี่ยวชาญเรื่องอสังหาริมทรัพย์ และหนี้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ก็จะมีสายพานเฉพาะด้าน SME แนวทางนี้ช่วยให้กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลูกหนี้ได้รับการช่วยเหลือที่ตรงจุด

ขณะที่การบริหารทรัพย์สินรอการขาย (NPA) ซึ่งปัจจุบัน BAM มีอยู่ประมาณเกือบ 30,000 รายการนั้น ที่ผ่านมา BAM สามารถระบายทรัพย์ออกสู่ตลาดได้ไม่ถึง 1,000 รายการต่อปี ซึ่งหากจะระบายทรัพย์ NPA ให้หมดอาจต้องใช้เวลานานถึง 30 ปี ดังนั้นจึงได้พัฒนากลยุทธ์ใหม่ในการเร่งการจำหน่ายทรัพย์ผ่าน Partnership Model

โดยในส่วนของทรัพย์ที่มูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้ามาร่วมพัฒนา ผ่านโมเดล "6x6" โดย 6 เดือนแรก ให้ผู้สนใจนำทรัพย์ของ BAM ไปพัฒนาโดยไม่คิดต้นทุน ส่วน 6 เดือนหลัง จะคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ำ เพื่อเร่งการขาย หากสามารถขายได้ จะโอนกรรมสิทธิ์ต่อให้ผู้พัฒนาโดยตรง ขณะที่ทรัพย์มีมูลค่ามากกว่า 3 ล้านบาทนั้น BAM จะร่วมมือกับพันธมิตรผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) เพื่อบริหารและเร่งระบายทรัพย์ในกลุ่มนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

"ด้วยกลยุทธ์ใหม่นี้ BAM คาดว่าภายในปีนี้ จะสามารถระบายทรัพย์ได้มากกว่า 1,000-2,000 รายการ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนหนี้เสียให้กลายเป็นทรัพย์ดี และสร้างจุดเริ่มต้นใหม่ให้ลูกหนี้ได้อีกครั้ง" นายรักษ์ ระบุ

ด้านนางลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด กล่าวในหัวข้อ "ไขรหัสลับ NCB จากข้อมูลสู่โอกาส" ว่า ใน รายงานของบริษัทฯ ที่เกี่ยวกับข้อมูลเครดิต และคะแนนเครดิตลูกหนี้ จะเป็นข้อมูลที่ทำให้หน่วยงานหรือสถาบันการเงินสามารถใช้ในการออกแบบนโยบายต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาหนี้ได้อย่างเหมาะสม และตรงจุด

โดยในส่วนของสถาบันการเงินนั้น สามารถนำไปใช้ประเมินความเสี่ยงในการปล่อยสินเชื่อ, บริหารความเสี่ยงในภาพรวม และป้องกันปัญหาหนี้เสีย ตลอดจนช่วยกำหนดเงื่อนไขสินเชื่อ เช่น วงเงิน รวมทั้งช่วยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม ขณะที่ตัวเจ้าของของมูลเอง จะทำให้ได้ทราบถึงสถานะทางการเงินของตนเอง และนำไปใช้ประกอบการวางแผนทางการเงิน การบริหารหนี้สิน รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อที่เหมาะสม และที่สำคัญยังเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อป้องกันการถูกสวมรอยทางการเงินด้วย

ส่วนประโยชน์ของข้อมูลเครดิตในอีกมุมหนึ่ง คือสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องเฝ้าระวัง และใช้ในการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจได้ เนื่องจาก NCB มีฐานข้อมูลสมาชิกมากถึง 150 ล้านบัญชี ในจำนวนนี้ เป็นบุคคลธรรมดาถึง 140 ล้านบัญชี และที่เหลืออีกราว 36 ล้านบัญชีเป็นนนิติบุคคล และเมื่อลงไปดูข้อมูลหนี้ครัวเรือนในส่วนของบุคคลธรรมดา จะพบว่าผู้ที่ขอสินเชื่อถึง 91% จะเป็นกลุ่มคนในช่วงอายุ 20-60 ปี และ ณ สิ้นไตรมาส 2/68 มีข้อมูลในด้านของมูลค่าหนี้ พบว่าคนในวัยทำงานเป็นหนี้บ้านมากที่สุด ซึ่งหากมองในแง่ดี ก็ถือว่าเป็นการสร้างหนี้เพื่อความมั่นคงในชีวิต แต่เมื่อดูข้อมูลในแง่ของจำนวนบัญชี จะยังมีความน่ากังวลในส่วนของคนวัยทำงาน ที่ยังเป็นหนี้ส่วนบุคคล (หนี้เพื่อการอุปโภค-บริโภค) ค่อนข้างมาก ซึ่งสร้างความกังวลใจไปถึงอนาคตในวัยเกษียณว่ายังต้องเผชิญกับหนี้ก้อนนี้อยู่ จึงทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการวางนโยบายเศรษฐกิจ จะต้องพิจารณาถึงการออกแบบนโยบายที่เหมาะสมกับการแก้ปัญหาหนี้ดังกล่าว

"สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ ในฐานะบริษัทข้อมูลเครดิต คือให้ความละเอียดของข้อมูล โดยให้ข้อมูลมากที่สุด และเป็นข้อมูลที่บ่งบอกถึงความเป็นไปของสภาวะแวดล้อมด้วย ไม่ใช่แค่ตัวประวัติอย่างเดียว นี่คือความตั้งใจของเราที่จะทำสิ่งนี้ให้มากขึ้น" นางลักษมณ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ