นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สำหรับการเริ่มต้นโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ในวันนี้เป็นวันแรกนั้น มีข้อมูลพบว่า ประชาชนทั่วประเทศ ให้ความสนใจในการใช้จ่ายกันอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า และระบบการใช้งานของแอปฯ "เป๋าตัง" เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาขัดข้อง จึงเชื่อว่าโครงการนี้ จะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และทำให้เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีความคึกคักมากขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 08.00 น. หลังจากเริ่มเปิดให้ใช้จ่ายผ่านไป 2 ชั่วโมง พบว่ามีประชาชนเข้ามาสแกนจ่ายแล้ว 4.7 แสนราย คิดเป็นวงเงินประมาณ 84 ล้านบาท สำหรับยอดการใช้จ่าย เมื่อแบ่งเป็นรายภูมิภาค พบว่า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) มียอดการใช้จ่ายสูงสุด คิดเป็น 21% รองลงมาเป็นภาคใต้ 15%, กทม.-ปริมณฑล 14%, ภาคกลาง 13%, ภาคเหนือ 10%, ภาคตะวันออก 10% และภาคตะวันตก 4%
โดยมีจำนวนร้านค้าที่เริ่มให้บริการวันแรก 1.33 แสนร้านค้า จากร้านค้าที่ลงทะเบียนสำเร็จ 6.38 แสนร้านค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านขายอาหาร-เครื่องดื่ม ที่ร่วมโครงการแล้ว 3 แสนร้านค้า รองลงมา เป็นร้านธงฟ้าฯ 1.48 แสนร้านค้า ส่วนที่เหลือเป็นร้านค้าประเภทอื่น ๆ
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ร้านค้าที่สนใจ ยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 19 ธ.ค.นี้ ขณะที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) จะลงพื้นที่ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เพื่อให้บริการแก่ร้านค้าที่ยังมีปัญหาการสมัครเข้าร่วมโครงการ
สำหรับโครงการ "คนละครึ่งพลัส" เฟส 2 นั้น นายลวรณ กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันแล้วว่ามีแน่นอน โดยขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณา ทั้งหลักเกณฑ์ และเงื่อนไข และจะพยายามหาลูกเล่น เพื่อดึงดูดความสนใจของประชาชนและร้านค้าให้เข้าร่วมโครงการมากขึ้น
- นายกฯ เตือน! หากมีทุจริต อาจทำเฟส 2 ล่าช้า
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเริ่มโครงการ "คนละครึ่งพลัส" ในวันนี้เป็นวันแรก ว่า ขอแสดงความยินดีกับประชาชน ที่จะได้ใช้โครงการคนละครึ่งพลัสจากวันนี้เป็นต้นไปเป็นเวลา 2 เดือน และขอเชิญชวนประชาชนออกมาใช้เงิน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยให้คนไทยทั้งประเทศมีโอกาสสร้างรายได้
ส่วนที่มีผู้ตกหล่นจากเฟสแรกนี้ มีโอกาสจะได้รับโครงการในเฟส 2 ซึ่งได้มีการหารือกับ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แล้ว
สำหรับประชาชนที่รอรอบเก็บตกจากเฟสแรกนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ได้นำข้อมูลและความเห็นต่าง ๆ ที่ได้รับมาแจ้งให้กับนายเอกนิติ และดูจากโซเชียลมีเดีย และในกลุ่มคนเปราะบาง กลุ่มผู้สูงอายุ ที่ใช้แอปพลิเคชันไม่ค่อยเป็น เพราะมีเครื่องมือสื่อสารที่เก่า ไม่สามารถลงทะเบียนได้ แต่ได้ไปแสดงความจำนงจะใช้โครงการคนละครึ่งพลัสไว้แล้ว ดังนั้นรัฐบาลจำเป็นต้องให้การดูแลอย่างทั่วถึง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ส่วนวิธีการตรวจสอบการทุจริตในโครงการ เช่น มีประชาชนนำไปแลกเงินสดนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมาย และทำให้ความตั้งใจของรัฐบาลที่จะมาตรการช่วยเหลือในครั้งต่อไปมีความล่าช้าออกไปได้
"แทนที่จะออกคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ออกมา หากมีเรื่องนี้มา ก็ต้องไปนั่งสืบสวนสอบสวน ไม่ได้ออกโครงการมาสักที ถือว่าเรื่องนี้เป็นโอกาสของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ทุกคน เราอย่าไปเอาเปรียบ เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ ก็ควรจะใช้ได้เต็มที่" นายกรัฐมนตรี กล่าว