เงินเฟ้อไทยเดือน ต.ค. -0.76% จากตลาดคาด 0.7-0.75% หดตัว 7 เดือนต่อเนื่อง

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 5, 2025 11:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินเฟ้อไทยเดือน ต.ค. -0.76% จากตลาดคาด 0.7-0.75% หดตัว 7 เดือนต่อเนื่อง

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย เดือนต.ค. 68 เท่ากับ 100.00 หรืออัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.76%YoY โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่งผลให้ช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ลดลง 0.09%

ทั้งนี้ ปัจจัยหลักมาจากมาตรการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนของภาครัฐ ผ่านโครงการ Quick Big Win และสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก ส่งผลให้ราคาสินค้าในกลุ่มพลังงานลดลง ทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง นอกจากนี้ มีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ เนื้อสุกร ไข่ไก่ ผักสด และผลไม้สด จากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งของใช้ส่วนบุคคล จากการส่งเสริมการขายของผู้ประกอบการ สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) เดือนต.ค. 68 อยู่ที่ 101.50 หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.61% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ทำให้เฉลี่ย 10 เดือนปีนี้ (ม.ค.-ต.ค. 68) อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เพิ่มขึ้น 0.87%

สำหรับราคาสินค้าและบริการในเดือนต.ค. 68 เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. ที่ผ่านมา พบว่า สินค้าและบริการ ที่ราคาเพิ่มขึ้นมี 225 รายการ อาทิ ข้าวสารเจ้า ขนมอบ ปลาทู น้ำมันพืช กะทิสำเร็จรูป กาแฟผงสำเร็จรูป กาแฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าบริการขนขยะ ค่าแต่งผมชาย และค่าทัศนาจรต่างประเทศ เป็นต้น ส่วนสินค้าและบริการที่ราคาลดลงมี 189 รายการ อาทิ ข้าวสารเหนียว เนื้อสุกร ไข่ไก่ ต้นหอม ผักกาดขาว พริกสด มะนาว ผักชี ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำยาระงับกลิ่นกาย รถยนต์ และน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นต้น ขณะที่สินค้าและบริการที่ราคาไม่เปลี่ยนแปลงมี 50 รายการ

*แนวโน้มเงินเฟ้อ พ.ย. คาดติดลบต่อ

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพ.ย. 68 คาดว่าจะยังคงลดลง

- ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่

1. ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มประเทศโอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลมีนโยบายบรรเทาภาระค่าครองชีพผ่านโครงการ Quick Big Win ส่งผลให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (OFFO) ปรับลดอัตราเงินสมทบเข้ากองทุนฯ และทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร

2. ภาครัฐดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่า Ft งวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 68 มาอยู่ที่ 15.72 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่ากระแสไฟฟ้าลดลงเหลือ 3.94 บาทต่อหน่วย

3. ราคาผักสดและผลไม้สดต่ำกว่าปีก่อนหน้าค่อนข้างมาก จากผลผลิตที่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ในระดับสูง

4. ผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีแนวโน้มปรับลดราคาห้องพัก เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของภาครัฐ (ณ วันที่ 21 ต.ค. 68) โดยเฉพาะมาตรการหักลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวภายในประเทศสูงสุด 20,000 บาท

- ปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่

1. การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวมีแนวโน้มทำให้ค่าโดยสารเครื่องบินปรับตัวสูงขึ้น

2. ราคาสินค้าเกษตรและเครื่องประกอบอาหารบางชนิดมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น กะทิสำเร็จรูป กาแฟสำเร็จรูป เกลือป่น และน้ำมันพืช เป็นต้น

"เงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่องหรือไม่นั้น ต้องดูหลายปัจจัย โดยปัจจัยที่มีแรงสนับสนุนหลักจากสัดส่วนเงินเฟ้อ คือเรื่องพลังงาน ถ้านโยบายด้านพลังงาน ในต่างประเทศยังลดอยู่ ประกอบกับสถานการณ์เงินบาทที่ยังแข็งค่าอยู่ มีความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจะลดลงต่อเนื่อง แต่สิ่งที่เป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญ คือมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ถ้าในแง่ของการลดค่าครองชีพ เรื่องพลังงาน ก็ทำให้เงินเฟ้อลด แต่ในมุมมองของการลดค่าครองชีพและทำให้รายได้เพิ่มขึ้นและกระตุ้นรายจ่าย มีส่วนเล็กน้อยที่อาจทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ประกอบกับมาตรการของภาครัฐที่กระทรวงการคลังเพิ่งแจ้ง คือเรื่องการช่วยลดหนี้ครัวเรือน จะมีส่วนสำคัญ เนื่องจากถ้าหนี้ครัวเรือนลดลง สะท้อนว่าความมั่นใจของผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งจะมีส่วนที่กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ดังนั้น อาจสนับสนุนให้เงินเฟ้อสูงขึ้นได้ ทั้งนี้ ต้องรอดูต่อไปว่ามาตรการของภาครัฐจะมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนในด้านไหน" นายนันทพงษ์ กล่าว
*รอลุ้นสิ้นปีกลับมาบวก

ส่วนการคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 68 นายนันทพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ประเมินออกมา แต่แนวโน้มในเดือนพ.ย. 68 ก็อาจยังติดลบอยู่ แต่ก็ยังไม่ฟันธง 100% เพราะอยากรอดูผลจากมาตรการของภาครัฐ ว่าจะช่วยกระตุกเงินเฟ้อขึ้นมาบ้างหรือไม่ ในส่วนของคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อไตรมาส 4/68 ก่อนที่มาตรการคนละครึ่งพลัสออกมา เราประเมินที่ประมาณ -0.52% แต่เมื่อมาตรการออกมาแล้ว และมีผลตอบรับที่ดีมาก ประกอบกับมีการกระตุ้นค่าใช้จ่ายปลายปี ก็อาจจะกลับมาเป็นบวกได้

*คงคาดการณ์ทั้งปี 0.0%

ทั้งนี้ ด้วยปัจจัยดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 68 อยู่ที่ 0.0% ส่วนจะมีโอกาสที่เงินเฟ้อทั้งปีติดลบหรือไม่นั้น มองว่า มีโอกาส เบื้องต้นประเมินทั้งปีไว้ที่ 0.0% แต่ปัจจัยหลักอยู่ที่น้ำหนักสัดส่วนของการคำนวณเงินเฟ้อ และปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามาตรการของภาครัฐ ทั้งค่าน้ำมัน ค่า FT หรือสถานการณ์น้ำมันทั่วโลกลดลง ดังนั้น ก็มีส่วนที่อาจจะติดลบได้ แต่ยังคงประเมินที่ 0.0% ทั้งนี้ การประเมินที่ 0.0% ยังไม่ได้รวมปัจจัยในช่วงปีใหม่ ที่ปกติในช่วงปลายปีเงินจะสะพัด ประกอบกับมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ดังนั้น แม้ตอนนี้ปัจจัยภายนอกเป็นลบ แต่ปลายปีอาจกลับมาเป็นบวกได้

ส่วนมาตรการ "คนละครึ่งพลัส" มีผลต่อเงินเฟ้อหรือไม่ นายนันทพงษ์ กล่าวว่า เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับ 50 สะท้อนว่าความมั่นใจของผู้บริโภคเริ่มกลับมา แต่ยังไม่เต็มที่ เพราะประชาชนยังเป็นกังวลต่อค่าครองชีพที่เกิดขึ้น และหนี้ครัวเรือน ดังนั้น สะท้อนกลับไปถึงเงินเฟ้อ ก็อาจจะกระตุกขึ้นไม่มาก ต้องรอดูระยะยาว

"คนละครึ่งพลัสเป็นตัวกระตุ้นค่าใช้จ่าย แต่ในภาพใหญ่จะเห็นว่า สินค้าบางตัวราคาขึ้น แต่บางตัวราคาไม่ขึ้น ดังนั้น ในภาพรวมมองว่าอาจจะกระตุ้นไม่มาก ส่วนจะกระตุ้นเท่าไรในภาพใหญ่ตอนนี้คิดว่าไม่มาก แต่ช่วยในด้านเงินเฟ้อ" นายนันทพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่า เงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง 7 เดือน เริ่มมีความเสี่ยงที่มาจากดีมานด์การชะลอการบริโภคแล้วหรือไม่ นายนันทพงษ์ กล่าวว่า ต้องกลับไปดูที่ Core CPI ลดลงแต่ยังเป็นบวกอยู่ ดังนั้น มองว่าเรื่อง Demand Side ยังไม่ใช่ปัญหา ในขณะเดียวกัน มาตรการของภาครัฐที่ช่วยลดค่าครองชีพก็จะทำให้ Demand Side เพิ่มขึ้น ส่วนเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่อง 7 เดือน เป็นการติดลบต่อเนื่องนานสุดในรอบเท่าไรนั้น นายนันทพงษ์ กล่าวว่า เงินเฟ้อเคยติดลบมากสุด 12 เดือน คือช่วงเดือนมี.ค. 63-มี.ค. 64

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่ากระทรวงพาณิชย์จะประเมินตัวเลขเงินเฟ้อปี 69 ในเดือนธ.ค. นี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ