"เอกนิติ" ชี้ชีพจรเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น หลังรัฐอัดมาตรการกระตุ้น ควบคู่รักษาวินัยการคลัง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 10, 2025 12:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวปฐกถาพิเศษในงาน iBusiness Forum : Thailand Future Signal 2026 จับสัญญาณอนาคต ก้าวใหม่เศรษฐกิจไทย ว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเป็นการร่วมมือกับภาคเอกชน จนเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจใหม่เกิดขึ้นอย่างมาก โดยในเชิงธุรกิจสามารถก้าวได้เร็วขึ้น ขณะที่ในเชิงประเทศก็ต้องเตรียมความพร้อมที่จะเร่งผลักดันให้สัญญาณนี้ยังเป็นสัญญาณที่ดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันจนเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเปรียบเสมือนชีพจรที่ถูกกระตุกขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านโครงการสำคัญ อาทิ การเร่งคืนหนี้ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), การเติมเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, โครงการเที่ยวดีมีคืน, การเร่งเบิกจ่ายของส่วนราชการ และโครงการคนละครึ่ง พลัส ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นเม็ดเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วเกือบ 1 แสนล้านบาท และได้ช่วยให้บรรยากาศเศรษฐกิจทั่วประเทศเริ่มกระตุกขึ้นมา ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยไม่ได้มีการกู้เงินใหม่ อันเป็นการสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังคงรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มข้น

"สิ่งที่รัฐบาลเห็นในวันที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา คือ สัญญาณเศรษฐกิจที่แผ่วมาก เหมือนชีพจรที่เต้นเบาจนเกือบจะดับ เศรษฐกิจไทยเหมือนจะดิ่งเหว แม้จะยังไม่ถึงกับตกเหว แต่ก็ติดหล่ม เหลืออยู่อีกนิดเดียวก็จะตกเหว และจากการเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้งหมดในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ช่วยให้เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 ที่จากเดิมคาดว่าจะโตได้ 0.3% เกือบจะดิ่งเหว ขยับขึ้นมาได้เป็น 1.1% นี่เป็นสัญญาณเศรษฐกิจแรกที่เห็น" รองนายกฯ และรมว.คลัง ระบุ

นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า สัญญาณเศรษฐกิจที่ 2 ที่รัฐบาลเริ่มเห็น คือ การย้ายฐานการผลิต หลังจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งไทยและอาเซียนถูกจับตามองว่าเป็นประเทศที่เหมาะแก่การลงทุน ส่งผลให้ตัวเลขการเคลื่อนย้ายการลงทุนของไทยและอาเซียนในปีที่ผ่านมาเติบโตเป็นบวก สวนทางกับหลายประเทศทั่วโลก

ซึ่งสะท้อนจากยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในช่วงที่ผ่านมาซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการ คิดเป็น 90% โดยโครงการเติบโตขึ้นเกือบ 30% ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ ดาต้าเซ็นเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ เซมิคอนดักซ์เตอร์ อีวี-ไฮบริด และเวลเนสเซ็นเตอร์ เป็นต้น แต่ต้องยอมรับว่ามีเม็ดเงินที่ขอรับการลงทุนค้างท่ออยู่ถึง 4.7 แสนล้านบาท

โดยประเด็นนี้ รัฐบาลให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ต้องเร่งปลดล็อก เพื่อผลักดันให้เม็ดเงินสามารถลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังติดปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านกฎระเบียบ และข้อกฎหมายซึ่งยังเป็นอุปสรรค ดังนั้นจึงมีแนวคิดในการเดินหน้าโครงการ Fast Pass ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อเร่งปลดล็อกให้เม็ดเงินที่ค้างท่อเข้าสู่ระบบได้เร็วขึ้น และจะมีอุตสาหกรรมใหม่ที่มาต่อยอดการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569

ขณะเดียวกัน ได้มีการตั้งคณะทำงาน ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามากีโยตินกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นข้อติดขัด หรืออุปสรรค เพื่อปลดล็อกให้เกิดการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาวด้วย

"ในเชิงสัญญาณเศรษฐกิจไทย เริ่มเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน แต่จะเป็นการฟื้นตัวอย่างไรที่จะต่อเนื่องไปในระยะยาว บนข้อจำกัดที่มีเวลาแค่ 4 เดือน และข้อจำกัดเรื่องฐานะการคลัง ดังนั้น รัฐบาลได้พยายามออกแบบนโยบายเศรษฐกิจบนข้อจำกัดเหล่านี้ทั้งหมด และพยายามกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แต่ได้ผลยาว กระจายตัว บนพื้นฐานของวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มข้น" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ