นายมหัทธนะ อัมพรพิสิฏฐ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) กล่าวว่า DPA ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐที่ก่อตั้งมาเพื่อให้ทำหน้าที่คุ้มครองเงินฝากให้กับผู้ฝากเงินกับสถาบันการเงิน ในวันนี้กำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองเชิงรุก เป็นบทบาทที่ต้องเพิ่มความเข้มข้น ความพร้อม และการปรับตัวที่รวดเร็วพอที่จะรับมือกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไปในโลกการเงินทุกวันนี้ เพราะไม่มีใครสามารถบอกอนาคตได้ว่าวิกฤตสถาบันการเงินจะเกิดเมื่อไหร่ และเกิดยังไง สถานการณ์ที่ต้องแก้ไขปัญหาเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่ DPA ทำได้คือการเตรียมความพร้อมของทีมและกระบวนการไว้ให้ดีที่สุด
ปัจจุบัน DPA คุ้มครองเงินฝากกว่า 101.7 ล้านบัญชี รวมมูลค่ากว่า 16.25 ล้านล้านบาท (ข้อมูล ณ กรกฎาคม 2568) ครอบคลุมสถาบันการเงิน 32 แห่ง ทั้งธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน และเครดิตฟองซิเอร์ และเตรียมขยายไปยัง Virtual Bank อีก 3 แห่งในปี 2569 ภายใต้วงเงินคุ้มครอง 1 ล้านบาทต่อคนต่อสถาบันการเงิน ซึ่งครอบคลุมผู้ฝากเงินกว่า 98% ของทั้งระบบ
"ระบบคุ้มครองเงินฝากเป็นกลไกและนโยบายสำคัญของรัฐในการปกป้องคุ้มครองผู้ฝาก โดยเฉพาะรายย่อยที่เป็น กลุ่มใหญ่ของประเทศ หากเกิดเหตุให้สถาบันการเงินถูกสั่งปิดกิจการและถูกเพิกถอนใบอนุญาต DPA จะเข้ามาทำหน้าที่เหมือนเป็นฟองน้ำที่ดูดซับความเดือดร้อน โดยเร่งดำเนินการนำเงินจากกองทุนคุ้มครองเงินฝาก มาจ่ายคืนให้กับผู้ฝาก ภายใต้วงเงินคุ้มครองไม่เกิน 1 ล้านบาท และจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันซึ่งเป็นระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด" นายมหัทธนะ กล่าวการทำงานของ DPA จึงเปรียบเสมือนนักดับเพลิงที่จะช่วยจำกัดการลุกลามของความเดือดร้อนไม่ให้กระจายตัวไปในวงกว้างและกระทบกับเศรษฐกิจในระดับมหภาค
มุมมองแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนบัญชีเงินฝากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (64-68) บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุดในระบบสถาบันการเงิน โดยเป็นประเภทบัญชีเงินฝากที่มีสัดส่วนที่ได้รับความคุ้มครองสูงสุดมาโดยตลอด แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนระหว่างเงินฝากออมทรัพย์กับเงินฝากประจำบ้างตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยในแต่ละช่วงเวลา แต่ "เงินฝาก" ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่คนไทยไว้วางใจสูงสุด แม้โลกการเงินจะหมุนเร็วขึ้นเพียงใดก็ตาม
แนวโน้มในอนาคตต่อจากนี้ สถาบันการเงินในระบบจะหันมาเน้นการให้บริการผลิตภัณฑ์เงินฝากที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและดึงดูดเงินฝาก ได้แก่ บัญชีเงินฝากแบบดิจิทัล ที่ลดต้นทุนการดำเนินงาน ทำให้สถาบันการเงินสามารถแข่งขันด้านอัตราดอกเบี้ยได้มากขึ้น
ขณะที่การเปิดให้บริการ Virtual Bank จะส่งผลให้เกิดการเติบโตของฐานเงินฝากจากกลุ่มผู้ใช้บริการรายใหม่ เมื่อพิจารณาในภาพรวมของระบบการเงินไทยแล้ว ผลกระทบโดยรวมมีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางเชิงบวก โดยสอดคล้องกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ของประเทศในการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม นอกจากนี้การคุ้มครองเงินฝากยังครอบคลุมถึงธนาคาร Virtual Bank ด้วยเช่นกัน ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อ 1 รายผู้ฝากต่อ 1 สถาบันการเงิน
นายมหัทธนะ กล่าวว่า ในยุคที่โลกการเงินเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เคย การเสริมสร้างเสถียรภาพระบบสถาบันการเงินไม่ใช่แค่ "รับมือเมื่อเหตุมาถึง" แต่ต้อง "เตรียมความพร้อมก่อนจะเกิดวิกฤติ" นั่นหมายความว่า DPA ต้องทำงานเชิงลึกและเชิงรุก ทั้งกับข้อมูลและกระบวนการ เพื่อให้จับสัญญาณความเสี่ยงได้ทัน
"เราต้องเปลี่ยนจากองค์กรที่รอเหตุ มาเป็นองค์กรที่พร้อมก่อนเหตุ การคุ้มครองเงินฝากคือหน้าที่หลัก แต่ในเมื่อเราไม่มีทางรู้แน่ชัดว่าเหตุการณ์นั้นจะมาเมื่อไหร่ การสร้างความพร้อมและการซักซ้อมแผนอย่างสม่ำเสมอ คือสิ่งที่ช่วยเสริมความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ของทีม DPA ทั้งทีมสนับสนุนและทีมด่านหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินคุ้มครอง การชำระบัญชีสถาบันการเงินที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต รวมถึงการสื่อสารกับผู้ฝากและประชาชนให้ทันกับสถานการณ์" นายมหัทธนะ กล่าวเพิ่มเติม
ภายใต้ ยุทธศาสตร์ระยะที่ 4 (66-70) DPA ขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวคิด "READY & Prompt" เพื่อยกระดับการทำงานให้ทันสมัย รวดเร็ว และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ
แนวคิดนี้สะท้อนผ่าน 5 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
● Reimagine Confidence - สร้างภาพลักษณ์ใหม่ของ DPA ให้เป็นสถาบันที่ประชาชนเชื่อมั่นและเข้าถึงง่าย
● Engagement - เสริมการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน
● Agility - เพิ่มความคล่องตัวในการตัดสินใจและตอบสนองต่อสถานการณ์
● Digitalization & Data Analytics - ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและจ่ายเงินคุ้มครอง
● Year-round Trust - สร้างความเชื่อมั่นต่อเนื่องตลอดทั้งปี ผ่านการดำเนินงานที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
"วันนี้ DPA กำลังปรับกระบวนการทำงานให้สามารถทำงานได้อย่างยืดหยุ่นเหมาะกับบริทของเทคโนโลยีและ AI ที่เข้ามาเป็นตัวแปรสำคัญในการบริหารองค์กร และการสร้าง data lake เพื่อรวมศูนย์ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่องานเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ ของ DPAเพื่อให้สามารถนำข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจ ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพและตอบสนองต่อสถานการณ์ได้ทันเวลา แน่นอนว่าไม่มีใครต้องการให้เกิดเหตุการณ์ที่ DPA ต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าสิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง DPA ต้องมีความพร้อมมากพอที่จะรับมือกับสถานการณ์และแรงกดดัน" นายมหัทธนะ กล่าวอีกหนึ่งภารกิจสำคัญของ DPA เพื่อสะท้อนการเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองเชิงรุกคือ "การสื่อสารกับประชาชน" เพื่อให้รู้จัก DPA และเข้าใจข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการคุ้มครองเงินฝาก เพื่อให้สามารถครองสติและไม่ตื่นตระหนกในวันที่สถานการณ์ไม่สู้ดี เกิดข่าวลือเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่กระทบกับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อระบบสถาบันการเงินของประเทศ เพราะหากประชาชนรู้ว่าเงินฝากของตนได้รับความคุ้มครองและมีกระบวนการคุ้มครองที่แน่ชัด ประชาชนจะได้ไม่เกิดความกังวลมากจนถึงขั้นไปแห่ถอนเงิน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะยิ่งทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้ยากและซับซ้อนขึ้น นอกจากนี้การสื่อสารให้ประชาชนรู้จักกับ DPA มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นการช่วยประชาชนให้มีภูมิคุ้มกัน สามารถปกป้องคุ้มครองตัวเองจากภัยมิจฉาชีพ ที่แอบอ้างชื่อของ DPA และใช้ข้อมูลการคุ้มครองเงินฝากที่เป็นเท็จไปหลอกลวงประชาชน
"ในยุคที่เทคโนโลยีทางการเงินเติบโตอย่างรวดเร็ว ความเสี่ยงไม่ได้มีแค่เศรษฐกิจเท่านั้น แต่สิ่งที่ใกล้ตัวยิ่งกว่ายังมาจาก "ภัยไซเบอร์และมิจฉาชีพทางการเงิน" ไม่ว่าจะเป็นการหลอกให้โอนเงิน ปลอมเว็บไซต์หน่วยงาน หรือแอบอ้างชื่อหน่วยงานทางการเงิน เช่น การอ้างชื่อ DPA หลอกดูดข้อมูลส่วนตัวของประชาชนโดยอ้างว่าจะนำไปตรวจสอบสิทธิการคุ้มครองเงินฝาก การคุ้มครองเงินฝากนั้นเป็นนโยบายภาครัฐ ผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครองอัตโนมัติ ทันทีที่เปิดบัญชีเงินฝากกับสถาบันการเงินที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครอง ไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่ต้องส่งข้อมูลตรวจสอบสิทธิใดๆ ทั้งสิ้น หากผู้ฝากได้รับการติดต่อโดยอ้างว่ามาจาก DPA ให้ตัดสายทิ้งทันที เพราะเป็นมิจฉาชีพแน่นอน เนื่องจาก DPA ไม่มีนโยบายในการติดต่อผู้ฝาก"