ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 32.38 ทรงตัวจากช่วงเช้า ตลาดจับตาตัวเลข GDP ไทย-ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯในสัปดาห์หน้า

ข่าวเศรษฐกิจ Friday November 14, 2025 17:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 32.38 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจาก ช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 32.37 บาท/ดอลลาร์

วันนี้เงินบาทแกว่งค่อนข้างแคบ ในกรอบ 32.31-32.41 บาท/ดอลลาร์ สอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค และตามทิศทาง ราคาทองคำในตลาดโลก ขณะนี้วันนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรไทยไม่มากนักที่ 900 ล้านบาท

สำหรับคืนนี้ สหรัฐฯ จะยังไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ โดยตลาดรอดูว่าสัปดาห์หน้า จะมีกำหนดการรายงานข้อมูล เศรษฐกิจที่สำคัญตัวใดออกมาบ้าง

ขณะที่ปัจจัยในประเทศสัปดาห์หน้า ตลาดจับตาสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ประกาศตัว เลข GDP ไตรมาส 3/68 ของไทย รวมทั้งจะประเมินทิศทางเศรษฐกิจในภาพรวมของปี 68 และปี 69

"สัปดาห์หน้า ตลาดรอดูสภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 3 ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 1.6% (YoY) แต่หากเทียบ QoQ อาจจะยังหดตัว" นักบริหารเงิน ระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า ต้นสัปดาห์หน้า เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 154.62 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 154.52 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1624 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1630 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,269.26 จุด ลดลง 18.18 จุด (-1.41%) มูลค่าซื้อขาย 32,021.39 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,669.98 ล้านบาท
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ภายใต้ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และขีดความสามารถของ
นโยบายที่จำกัด IMF แนะนำให้ทางการไทย ดำเนินนโยบายแบบผสมผสานอย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด ซึ่งในช่วงที่หนี้
สาธารณะยังอยู่ในระดับสูง ทางการไทยควรใช้นโยบายการคลังแบบเฉพาะจุด และระมัดระวัง พร้อมกับมีแผนการเข้าสู่สมดุลการคลังระยะ
ปานกลางที่น่าเชื่อถือ
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ยังเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจไทย และ
อาจผ่อนคลายได้เพิ่มเติม เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปสงค์ และเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน ด้วยหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทางการไทย
ควรเร่งฟื้นฟูช่องทางการเข้าถึงสินเชื่อ ผ่านมาตรการทางการเงินที่ช่วยลดภาระหนี้ให้ลูกหนี้ เพื่อให้การส่งผ่านนโยบายการเงินมี
ประสิทธิผลต่อเนื่อง
  • บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings (S&P) คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign
Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)
พร้อมคาดว่า ในปี 2568 และ 2569 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอยู่ที่ 2.3% และ 2.0% ตามลำดับ เนื่องจากการดำเนินนโยบายการคลัง
ของรัฐบาลมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือนต.
ค.68 อยู่ที่ระดับ 51.9 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากความชัดเจนจากการมีรัฐบาลใหม่ โดยผู้บริโภคเริ่มมีความหวัง และมี
ความเชื่อมั่นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยในระยะสั้นสามารถฟื้นตัวขึ้นได้
  • ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาล
ผ่านโครงการ "คนละครึ่งพลัส" การเติมเงินเพิ่มให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการเที่ยวดีมีคืน จะช่วยให้เศรษฐกิจไทย ไตร
มาส 4/68 มีโอกาสขยายตัวได้ 0.6-1.1% และเป็นแรงดึงให้เศรษฐกิจไทยทั้งปีนี้ เติบโตได้มากกว่า 2.2%
  • ศูนย์วิจัยทองคำ เผย ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำเดือน พ.ย.68 อยู่ที่ระดับ 74.35 จุด ปรับลดลง 2.35 จุด หรือคิด
เป็น 3.06% จาก 76.70 จุด ในเดือน ต.ค.68 โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากการเจรจาสงครามการค้ามีความคืบหน้า, ภาวะชัตดาวน์ของ
หน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลาย, เงินทุนไหลเข้าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และความกังวลเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • รมว.คลังของสหราชอาณาจักร พับแผนการขึ้นอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในร่างงบประมาณเดือนนี้ เพื่อหลีก
เลี่ยงกระแสต่อต้านทางการเมือง
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในไตรมาส 4/2568 ของสหรัฐฯ จะชะลอตัวลงจากตัว
เลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.9% อย่างไรก็ดี IMF ยอมรับว่ายังขาดข้อมูลที่ครบถ้วนในการประเมินภาวะเศรษฐกิจ อันเนื่องจากการปิด
หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ หรือชัตดาวน์
  • สมัชชาแห่งชาติเวียดนาม ชุดที่ 15 ได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไว้ที่

10% หรือสูงกว่า ในปี 2569 ส่วนอัตราการเติบโตเฉลี่ยของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 4.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ