นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีศาลฎีกาพิพากษากลับในคดีภาษีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องจ่ายภาษีจากการขายหุ้น บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาทว่า ขณะนี้หารือกับปลัดกระทรวงการคลัง เรื่องนี้ต้องทำตามคำพิพากษา โดยได้มอบให้กรมสรรพากรไปพิจารณาในรายละเอียดและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
"เมื่อเป็นคำพิพากษาของศาล พวกเราก็ต้องปฏิบัติตาม ส่วนขั้นตอนและรายละเอียดต่าง ๆ นั้น กรมสรรพากรกำลังดูอยู่" นายเอกนิติ กล่าวนายเอกนิติ กล่าวว่า กระบวนการตอนนี้ให้ทางกรมสรรพากรพิจารณารายละเอียด โดยขอเวลาให้กรมสรรพากรศึกษารายละเอียด เพราะคำพิพากษาเพิ่งออกมา เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ซึ่งทุกคดีก็ต้องทำเหมือนกัน

ส่วนจะต้องไปดูคดีอื่น ๆ ที่มีการเกี่ยวโยงกับคดีนี้อีกหรือไม่ นายเอกนิติ กล่าวว่า ส่วนใหญ่กรมสรรพากรทำตามขั้นตอนอยู่แล้ว หลายกรณีก็ไปอยู่ในศาลฎีกา จึงอยากให้มองว่า เป็นเคสความปกติที่ไปอยู่ในการพิจารณาของศาล และเมื่อศาลตัดสินออกมาหน่วยราชการ ทั้งกรมสรรพากร หรือกรมอื่น ๆ ก็ต้องปฏิบัติการคำสั่งศาล
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้กรมสรรพากร จะเข้ามารายงานให้ทราบ โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน เริ่มจากอัยการสูงสุดจะดำเนินการสืบทรัพย์ และเข้าสู่ขั้นตอนของกรมบังคับคดี แล้วจึงมาที่การดำเนินการของกรมสรรพากร
พร้อมยืนยันว่า ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้มีแนวปฏิบัติสำหรับการฟ้องคดีในลักษณะนี้เป็นจำนวนมาก และแม้จะมีทรัพย์สินอยู่ในต่างประเทศ อัยการสูงสุดก็สามารถสืบทรัพย์ได้
ส่วนความจำเป็นจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะหรือไม่ เนื่องจากเป็นเงินภาษีมูลค่าสูงนั้น ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขอรอให้กรมสรรพากรมารายงานก่อน ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนแล้ว จะแถลงให้รับทราบ