นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย คาดราคาข้าวเปลือกในประเทศช่วงกลางเดือน พ.ย.จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นช่วงที่ผลผลิตใหม่เข้าสู่ตลาดจำนวนมาก โดยปัจจัยสำคัญมาจากความต้องการนำเข้าข้าวไทยที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะออเดอร์จากจีนจำนวน 500,000 ตัน และสิงคโปร์อีก 100,000 ตัน ซึ่งเป็นแรงซื้อที่ช่วยพยุงตลาดข้าวไทยอย่างมีนัยสำคัญ
"การที่ประเทศคู่ค้ารายใหญ่ตัดสินใจสั่งซื้อในช่วงเวลาที่ผลผลิตออกสู่ตลาด ถือเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวปีนี้กลับปรับตัวดีขึ้นสวนทางกับฤดูกาล" ส่งผลให้ผู้ส่งออก โรงสี และเกษตรกรต่างมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าวงจรข้าวปีนี้จะเป็นปีที่ดี" นายบรรจง กล่าว
นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดต่างประเทศครั้งนี้สะท้อนความต้องการข้าวไทยที่ยังแข็งแรงเกินคาด และทำให้ราคาภายในประเทศมีเสถียรภาพมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิที่ยังเป็นสินค้าที่ตลาดโลกต้องการสูง
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) ซึ่งจะมีการพิจารณามาตรการสำคัญเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี 2568/69 เพิ่มเติม หากมีมาตรการออกมาหนุนเสถียรภาพตลาดจะยิ่งทำให้ทิศทางราคาข้าวไทยมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีก
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกจากสมาคมโรงสีข้าวไทย ณ วันที่ 17 พ.ย.68 ข้าวเปลือกหอมมะลิ 14,300-15,800 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเหนียวคละ 7,000-7,300 บาทต่อตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 6,100-6,900 บาทต่อตัน, และข้าวเปลือกปทุมธานี 7,500-8,000 บาทต่อตัน
"ข้าวเปลือกหอมมะลิมีการปรับตัวสูงขึ้น บางพื้นที่ราคาขยับขึ้นถึงตันละ 700 บาท จากเดิม 15,100 บาทต่อตัน เป็น 15,800 บาทต่อตัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีอย่างมากในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าเองก็ปรับขึ้นเล็กน้อย จากราคา 6,100-6,800 บาทต่อตัน เป็น 6,100-6,900 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเหนียวคละและข้าวปทุมธานีแม้ทรงตัวในกรอบเดิม แต่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง" นายบรรจง กล่าว