ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 32.38 แนวโน้มแกว่ง Sideways ตลาดรอรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 19, 2025 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.38 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากปิดวันก่อนที่ระดับ 32.43 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down หนุนโดยการทยอยปรับตัวสูงขึ้นของราคา ทองคำ ท่ามกลางภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินโดยรวม รวมถึงมุมมองของตลาดที่ปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอก เบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เล็กน้อย

ทั้งนี้ ตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด และรายงาน การประชุม FOMC ล่าสุด และติดตามการพิจารณาคดีมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยศาลสูงสุด

นอกจากนี้ ควรติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ บรรยากาศในตลาดการเงินไทยในระยะสั้นบ้าง

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้มองว่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways เนื่องจากผู้เล่นในตลาดจะยังไม่รีบ ปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน จนกว่าจะทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทางการสหรัฐฯ เช่น ยอดการจ้างงานนอกภาค เกษตรกรรมเดือนก.ย. แต่ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินที่อาจสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 32.30-32.55 บาท/ดอลลาร์

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 32.4125 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 155.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 155.20/25 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1580 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1580/1600 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.462 บาท/ดอลลาร์
  • ครม.เคาะแผนการคลัง 5 ปี คุมเข้มนโยบายกึ่งการคลัง ลดขาดดุลเหลือไม่เกิน 3% ในปี 72 คงเพดานหนี้ 70% ด้าน
ธปท.เผยสินเชื่อแบงก์พาณิชย์ Q3/68 หดตัว 1.0% ใกล้เคียงไตรมาสก่อน, NPL ทรงตัว
  • เอกชนลั่น ประเด็นไทย-กัมพูชายังร้อน กระทบผลเจรจาภาษีไทย-สหรัฐ แนะรัฐเร่งดึงให้เข้าสู่ภาวะปกติ หวั่นฉุดเชื่อมั่น
นักลงทุนดิ่ง การขยายกิจการชะลอตัว
  • ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำระยะสั้งยังคงต้องติดตามการแถลงการณ์
เฟดเกี่ยวกับมุมมองการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ที่คาดว่าจะเริ่มกลับมาเผยแพร่ได้ตามปกติ ซึ่งหากผลออกมาไม่ดี
อาจส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทดสอบใกล้จุดสูงสุดเดิมที่ 4,381 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 67,000 บาท
  • ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลงเฉลี่ย 2,500
ตำแหน่งต่อสัปดาห์ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 1 พ.ย. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะ
รายงานในวันพฤหัสบดีว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 55,000 ตำแหน่งในเดือน ก.ย.
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 13,000 ราย สู่ระดับ
232,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 223,000 ราย ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับ
สวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 1.957 ล้านราย
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร
(18 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.
ย. เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันอังคาร (18 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอก
ภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน
ธ.ค.
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ วันนี้ ได้แก่ สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA), ตัวเลข
การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย.และต.ค. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
(FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.
  • นักลงทุนจับตา การรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ประจำเดือนก.ย.ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่ได้
เลื่อนการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ อันเนื่องจากภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานนอกภาค
เกษตรสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 55,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ