Power of The Act: บริษัทพลังงานสะอาดของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 19, 2025 17:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

Power of The Act: บริษัทพลังงานสะอาดของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงนามในบันทึกความร่วมมือ (MOU) "โครงการศึกษาการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม เพื่อรองรับ Green Transition สู่เศรษฐกิจอุตสาหกรรมใหม่" เพื่อช่วยยกระดับการพัฒนาอุตสาหกรรม ทั้งในด้านการบริหารจัดการพลังงานสะอาดให้แก่ผู้ประกอบการ การบริหารจัดการขยะอย่างครบวงจร

นอกจากนี้ กนอ. ยังมีแนวคิด "I-EA-T Next Move: Fast & Furious" ที่มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดและระบบไฟฟ้าที่มั่นคง เพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นิคมอุตสาหกรรมจะถูก "พัฒนา" ให้มีศักยภาพในการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดที่หลากหลาย และมีระบบไฟฟ้าที่มั่นคงมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน เรียกได้ว่านอกจากไฟฟ้าจะต้องสะอาดแล้วยังจะต้องมีความมั่นคงแน่นอนอีกด้วย

*องค์ประกอบ (ที่เป็นไปได้) ของระบบพลังงานสะอาดในนิคมอุตสาหกรรม

นิคมอุตสาหกรรมของ กนอ. นั้นประกอบด้วยระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบวงจรซึ่งรวมถึงระบบไฟฟ้า ผู้ประกอบอุตสาหกรรมสามารถซื้อไฟฟ้าจาก กนอ. ได้

คำถามคือไฟฟ้าที่ กนอ.จะนำมาจำหน่ายนั้นจะเป็นไฟฟ้าที่ผลิตจากทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนได้หรือไม่ กนอ. จะทำอย่างไรให้ไฟฟ้าที่จะถูกจำหน่ายผ่านระบบไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมนั้นเป็นพลังงานสะอาด กนอ. อาจขยายการให้บริการแท่นอัดประจุไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าสะอาดแก่ยานยนต์ไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือจะ "หาไฟฟ้าสะอาด" เหล่านี้ได้อย่างไร? หาก กนอ. จัดหาไฟฟ้าสะอาดมาได้คำถามถัดไปคือจะจ่ายไฟฟ้าสะอาดเหล่านี้ผ่านระบบใด ?

กนอ. อาจก่อสร้างและใช้งานระบบจำหน่ายไฟฟ้า "ของตัวเอง" และสามารถพัฒนาให้มีระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) โดยมีระบบสื่อสารสารสนเทศ (ICT) ทำหน้าที่ประมวลผลให้กับระบบควบคุมวิเคราะห์และสั่งการให้เกิดการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้าแบบอัตโนมัติเพื่อช่วยรักษาสมดุลระหว่างกำลังผลิตและความต้องการใช้ไฟฟ้า ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ได้อย่างทันท่วงทีและอย่างประหยัด รวมถึงเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดหาพลังงานในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้ามีค่าสูง

นอกจากนี้ กนอ. ยังอาจพัฒนาให้มีระบบ Smart Metering สำหรับระบบสาธารณูปโภคส่วนกลาง ในทางเทคนิคแล้ว Smart Metering เป็นการอ่านค่าพลังงานไฟฟ้าที่ถูกใช้ไปด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์และส่งข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลไปที่ระบบควบคุม (Control System) มาตรอัจฉริยะสามารถติดต่อสื่อสารโดยตรงกับระบบควบคุมได้บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องส่งพนักงานมาเพื่ออ่านค่าหน่วยไฟฟ้าเดือนละครั้งแบบปัจจุบัน ดังนั้นผู้ขายไฟฟ้าและผู้ใช้ไฟฟ้าจะสามารถอ่าน หรือคำนวณค่าใช้จ่ายของการใช้พลังงานได้เสมอ

*สถานะทางกฎหมายของบริษัท

หาก กนอ. ประสงค์จะ "ลงทุน ลงมือ และประกอบกิจการ" เพื่อพัฒนาระบบพลังงานสะอาดสำหรับนิคมอุตสาหกรรมโดยตรง กนอ. สามารถอาศัยมาตรา 6(2) และ (3/2) แห่งพระราชบัญญัติการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 ในการจัดตั้งบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นในการดำเนินงานและการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพเพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมได้

การร่วมหุ้นกับเอกชนนั้นจะเปิดโอกาสให้ฝั่งเอกชนนำเอาทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่จำเป็นมาเพื่อพัฒนาระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ระบบจำหน่ายไฟฟ้า ระบบ Smart Grid และระบบ Smart Metering และสนับสนุนการให้บริการพลังงานผ่านระบบเหล่านี้ในฐานะที่เป็นทรัพย์สินของบริษัทที่ถูกจัดตั้งขึ้นนี้

หาก กนอ. ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 50 บริษัทนี้จะกลายเป็นรัฐวิสาหกิจตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2561 (ตามมาตรา 4 "รัฐวิสาหกิจ" หมายความรวมถึงบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่รัฐวิสาหกิจซึ่งมีกฎหมายจัดตั้งมีทุนรวมอยู่ด้วยเกินร้อยละ 50) แต่หาก กนอ. ถือหุ้นเกินกว่าร้อยละ 25 แต่ไม่เกินร้อยละ 50 บริษัทพลังงานสะอาดนี้จะไม่เป็นรัฐวิสาหกิจแต่เป็น "บริษัทในเครือ" ของรัฐวิสาหกิจ

*สิทธิประกอบกิจการของบริษัท

ในความเห็นของผู้เขียน การพัฒนาให้นิคมอุตสาหกรรมนั้นมีศักยภาพในการจัดหาและสร้างประสิทธิภาพในการใช้พลังงานโดย กนอ. หรือ บริษัทที่ กนอ. มีส่วนเป็นเจ้าของนั้นมีลักษณะเป็นการประกอบกิจการที่มีความจำเป็นในการจัดให้มีสาธารณูปโภคหรือการจัดทำบริการสาธารณะในยุคของการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน ดังนั้น การประกอบกิจการนี้จึงสอดคล้องกับมาตรา 75 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560

เมื่อบริษัทนี้จะ "ลงมือ" ประกอบกิจการผลิต จัดหา สร้างและใช้งานระบบ Smart Grid และ Smart Meter แล้ว บริษัทพลังงานสะอาดย่อมกำลังจะลงมือประกอบกิจการไฟฟ้าและตกอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ซึ่งได้ให้นิยามของ "กิจการไฟฟ้า" เอาไว้ว่า "การผลิต การจัดให้ได้มา การจัดส่ง การจำหน่ายไฟฟ้า หรือการควบคุมระบบไฟฟ้า" และจะต้องขอรับใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ตามมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ต่อไป

ผู้เขียนขอตั้งข้อสังเกตในเบื้องต้นว่า ประเภทของระบบใบอนุญาตการประกอบกิจการพลังงานในปัจจุบันยังอาจไม่ได้มีใบอนุญาต Smart Grid และ Smart Meter โดยเฉพาะ อีกทั้งหากบริษัทจะคิดค่าบริการระบบพลังงานสะอาดในนิคมอุตสาหกรรมนั้นยังอาจถือเป็นการเรียกเก็บ "ค่าบริการในการประกอบกิจการพลังงาน" ซึ่ง กกพ. มีหน้าที่กำกับดูแลต่อไป

*หากบริษัทมีการผลิตไฟฟ้าสะอาดนอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ?

หากผู้ประกอบอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมประสงค์จะใช้ไฟฟ้าในปริมาณมากโดยต้องเป็นการจ่ายไฟฟ้าที่มีความแน่นอนไม่หยุดชะงัก (เช่น หากมี Data Center มาตั้งในนิคม) การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนั้นอาจไม่เพียงพอ บริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ. อาจจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างและใช้งาน Solar Farm หรือ Floating Solar ในพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไปจากตัวนิคม เรียกได้ว่าไปตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีแสงอาทิตย์และมีต้นทุนที่ดินต่ำกว่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเอง

การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้านอกพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมนี้จะเรียกได้ว่าเป็น "Offsite PPA Project" กล่าวคือ เป็นกรณีที่บริษัทนั้นประกอบกิจการผลิตไฟฟ้านอกพื้นที่นิคม ส่งไฟฟ้าสะอาดดังกล่าวจากนอกตัวนิคมเข้ามาในนิคม เพื่อขายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมที่รับเอาหน่วยไฟฟ้าดังกล่าวมาใช้ในการประกอบกิจการตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550

การส่งไฟฟ้าจากนอกพื้นที่นิคมนั้นย่อมจำเป็นต้องอาศัยระบบการขนส่งไฟฟ้า เช่น ต้องมีการก่อสร้างระบบโครงข่ายจากนอกพื้นที่นิคมให้เชื่อมต่อกับระบบจำหน่ายของนิคมอุตสาหกรรม กรณีนี้ บริษัทอาจขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบจำหน่ายไฟฟ้าจาก กกพ. ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ซึ่งได้นิยาม "ระบบจำหน่ายไฟฟ้า" ให้หมายความเป็น "ระบบการนำไฟฟ้าจากระบบส่งไฟฟ้า หรือระบบผลิตไฟฟ้าไปยังผู้ใช้ไฟฟ้าซึ่งไม่ใช่ผู้รับใบอนุญาต และให้หมายความรวมถึงศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้าที่ใช้ในการควบคุมระบบจำหน่ายไฟฟ้านั้นด้วย"

หากมีการก่อสร้างและใช้งานระบบจำหน่ายไฟฟ้าสะอาดนี้โดยเฉพาะแล้ว อิเล็กตรอนไฟฟ้าที่ถูกส่งและขายให้กับผู้ประกอบอุตสาหกรรมย่อมเป็นหน่วยไฟฟ้าสะอาดซึ่งระบบ Smart Grid และ Smart Meter จะช่วยวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าสะอาดเหล่านี้ได้

ในทางเทคนิค Smart Grid มีศักยภาพรองรับการติดตามและจัดการพลังงานไฟฟ้าที่มาจากแหล่งผลิตพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถเก็บข้อมูลการไหลของพลังงานและสถานะระบบไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ผ่านระบบสื่อสารข้อมูลสองทางและระบบควบคุมดิจิทัล องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุว่าเทคโนโลยี Smart Grid ช่วยให้โครงข่ายไฟฟ้าสามารถผนวกรวมและบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียน (Variable Renewable Energy) ได้ดียิ่งขึ้น โดยอาศัยการวัดข้อมูลโหลดและการผลิตที่แม่นยำ (IEA, Smart Grids, 2023)

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้อธิบายว่า Smart Grid ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็นการไหลของพลังงาน (Grid Visibility) และสนับสนุนระบบที่มีการแยกสายส่งหรือระบบจำหน่ายเฉพาะสำหรับพลังงานหมุนเวียน (European Commission, Smart Grids and Meters, 2022) ดังนั้น เมื่อมีการออกแบบระบบให้มีสายส่งหรือสายจำหน่ายไฟฟ้าที่แยกเฉพาะเส้นทางหนึ่งไว้สำหรับส่งไฟฟ้าโดยไม่ปะปนกับโครงข่ายทั่วไป (Dedicated Feeder) สำหรับไฟฟ้าสะอาด Smart Grid จะสามารถใช้เป็นกลไกทางเทคนิคเพื่อสนับสนุนการตรวจสอบว่าปริมาณไฟฟ้าที่จ่ายเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมมาจากแหล่งพลังงานสะอาดตามที่กำหนดจริง

ส่วน Smart Meter สามารถวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าเป็นรายช่วงเวลา และส่งข้อมูลกลับไปยังผู้ให้บริการผ่านระบบ Advanced Metering Infrastructure (AMI) ซึ่งกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ (US DOE) ระบุว่า AMI ประกอบด้วย Smart Meters, ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบจัดการข้อมูล ซึ่งทำให้สามารถบันทึกและแยกข้อมูลตามเส้นทางหรือช่องสัญญาณที่มีการกำหนดไว้ได้ (US DOE, Advanced Metering Infrastructure, 2022)

ทั้งนี้ งานวิเคราะห์ของ IRENA ยืนยันว่าข้อมูลการวัดแบบดิจิทัลเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบติดตามคุณลักษณะพลังงาน (Energy Attribute Tracking) เช่น Renewable Energy Certificates (RECs) และช่วยยืนยันแหล่งที่มาของพลังงานได้อย่างโปร่งใส (IRENA, Renewable Energy Certificates and Attribute Tracking, 2020) ดังนั้น หากมีการติดตั้ง Smart Meter แยกสำหรับระบบจำหน่ายไฟฟ้าสะอาด ข้อมูลจากมิเตอร์ดังกล่าวสามารถนำมาใช้ยืนยันปริมาณไฟฟ้าสะอาดที่ผู้ประกอบการใช้จริงได้อย่างเชื่อถือได้

ทั้งนี้ การผลิต ส่ง และขายไฟฟ้าจากนอกพื้นนี้ในรูปแบบนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็น "โครงการที่อยู่ในพื้นที่เฉพาะบางส่วน" ตามหลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนที่มีวัตถุประสงค์ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เองและ/หรือจ้างผู้อื่นผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ในกิจการตนเอง (Independent Power Supply: IPS) ที่สำนักงาน กกพ. ได้ประกาศรับฟังความคิดเห็นในช่วงวันที่ 26 พฤษภาคม ถึง 10 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งระบุเอาไว้ว่ากรณีที่ "โรงไฟฟ้าอยู่นอกพื้นที่นิคมฯ" เพื่อจำหน่ายให้แก่ "ผู้ใช้ไฟฟ้าที่อยู่ในนิคมฯ" สามารถดำเนินการได้

*สิทธิในการใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้า

ในกรณีที่ บริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ.นั้นต้องผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ที่ห่างออกไปจากนิคมอย่างมากและไม่อาจก่อสร้างสายจำหน่ายเพื่อนำเอาอิเล็กตรอนไฟฟ้าจากจุดของการผลิตมายังนิคมอุตสาหกรรม หรือหากจะต้องก่อสร้างแล้วจะเป็นการลงทุนที่สูงมากทำให้ค่าบริการสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแล้ว บริษัทจะสามารถขอใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็น กฟผ. กฟน. หรือ กฟภ. ได้หรือไม่ ?

ตามมาตรา 81 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานต้องยินยอมให้ผู้รับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการพลังงานรายอื่นใช้หรือเชื่อมต่อระบบโครงข่ายพลังงานของตน ทั้งนี้ ตามข้อกำหนดที่ผู้รับใบอนุญาตที่มีระบบโครงข่ายพลังงานประกาศกำหนด ซึ่งสามารถเรียกได้ว่าเป็นระบบ "Third-Party Access (TPA)" ดังนั้นแล้ว บริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ. ย่อมมีสิทธิที่จะขอใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าได้

ตามร่างข้อกำหนดการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access Code) ที่สำนักงาน กกพ. ประกาศรับฟังความคิดเห็นระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม ถึง 10 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมานั้นกำหนดเอาไว้ว่า "ข้อกำหนด TPA Code ฉบับนี้ สำหรับการเปิดให้ใช้และเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้าของ กฟผ. กฟภ. และ กฟน. เพื่อบริการส่งผ่านพลังงานหรือหน่วยไฟฟ้ารวมถึงบริการเสริมความมั่นคงให้แก่บุคคลที่สาม" ซึ่งบริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ. นั้นสามารถขอรับการจัดสรรศักยภาพในการให้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าตามสัญญาการใช้บริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าได้

ทั้งนี้ บริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ.จะต้องเสียค่าบริการระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้า ซึ่งตามร่างข้อกำหนด TPA Code นั้น การพิจารณาอัตราค่าบริการ เป็นไปตามหลักการสะท้อนถึงต้นทุนที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในภาพรวมทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทจะต้องคำนึงถึงการจ่ายค่าบริการระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge) ซึ่งประกอบด้วยค่าบริการระบบส่งและระบบจำหน่ายไฟฟ้า (Wheeling Charge), ค่าบริการความมั่นคงระบบไฟฟ้า (System Security Charge), ค่าบริการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า (Connection Charge) และค่าบริการหรือค่าปรับในการปรับสมดุลหรือบริหารปริมาณไฟฟ้า (Imbalance Charge (โปรดดู ข้อ 7.7 ของร่างข้อกำหนด TPA Code)

กรณีนี้ มีความเป็นไปได้ที่อิเล็กตรอนไฟฟ้าสะอาดที่บริษัทผลิตจะถูกจ่ายเข้าในระบบโครงข่ายของการไฟฟ้าจึงย่อมเกิดคำถามขึ้นได้ว่าผู้ประกอบอุตสาหกรรมจะสามารถอ้างว่าตนใช้ไฟฟ้าสะอาดได้หรือไม่เพียงใด ? ในประเด็นนี้ บริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ. จะต้องส่งมอบใบรับรองการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ "REC") ให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมซึ่งรับบริการจากระบบจำหน่ายไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม

ตามประกาศ กกพ. เรื่อง หลักเกณฑ์การให้บริการและการกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff) พ.ศ. 2566 นั้น "อัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว" หมายความว่า ราคาไฟฟ้าสีเขียวต่อหน่วย ค่าตอบแทน หรือเงื่อนไขสำหรับการให้บริการไฟฟ้าสีเขียว รวมถึงค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่ผู้มีหน้าที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งบริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ. อาจเรียกเก็บในฐานะอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียวแบบเจาะจงแหล่งที่มา ซึ่งเป็นการให้บริการพลังงานไฟฟ้าและ REC จากแหล่งเดียวกัน โดยที่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเจาะจงแหล่งที่มาของไฟฟ้าในการขอรับบริการจากบริษัทพลังงานสะอาดของ กนอ.

โดยสรุปแล้ว กนอ. สามารถจัดตั้งบริษัทพลังงานสะอาดขึ้นโดยร่วมลงทุนผ่านการถือหุ้นกับเอกชนที่มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าสะอาด การสร้างและใช้งานระบบ Smart Grid และระบบ Smart Metering ได้ โดยที่ กนอ. ยังถือหุ้นข้างมาก บริษัทนี้สามารถ "ลงมือ"ดำเนินการบริการพลังงานสะอาดแก่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมที่มีเป้าหมาย RE100 ได้โดยสอดคล้องกับมาตรา 75 วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 สอดคล้องกับ IPS Framework แนวคิด TPA Framework และ UGT Tariff ของ กกพ. อีกด้วย

ผศ.ดร.ปิติ เอี่ยมจำรูญลาภ ผู้อำนวยการหลักสูตร LL.M. (Business Law)

หลักสูตรนานาชาติ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ